นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดตั้งศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี (SME Support&Rescue Center) เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานของศูนย์ดังกล่าวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร 13 หน่วยงาน มีจุดรับเรื่องมากถึง 3,800 จุดทั่วประเทศ และมีการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน SMEs ซึ่งเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
โดยนับตั้งแต่เปิดศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอีขึ้นมาจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 8 เดือน จากที่ได้รับรายงานล่าสุด (8 พ.ค.60) มียอดผู้ยื่นคำร้อง ขอรับความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาทางธุรกิจผ่านทางช่องทางต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 7,283 ราย แบ่งออกเป็นบุคคลธรรมดา 5,577 ราย (ร้อยละ 77) และนิติบุคคล 1,706 ราย (ร้อยละ 23) โดยเป็นการขอรับความช่วยเหลือในด้านการเงิน ด้านการตลาด ด้านคดีความ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการผลิต ด้านมาตรฐาน และด้านอื่นๆ ซึ่งได้ให้ความให้ความช่วยเหลือเสร็จสิ้นรวมทุกๆด้าน ทั้งสิ้น 4,861 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 67 เป็นการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน 2,585 ราย (ร้อยละ 53) ด้านการตลาด 975 ราย (ร้อยละ 20) ด้านการผลิต 396 (ร้อยละ 8) ด้านการบริหารจัดการ 311 ราย (ร้อยละ 6.5) ด้านอื่นๆ 267 ราย (ร้อยละ 5) ด้านคดีความ 177 ราย (ร้อยละ4) และด้านมาตรฐาน 150 ราย (ร้อยละ 3.09) รวมจำนวนทั้งหมด 10,582 เรื่อง
โดยเรื่องที่มีผู้มาขอรับความช่วยเหลือมากเป็นอันดับ 1 เป็นด้านการเงิน ร้อยละ 64 อันดับ 2 ด้านการตลาด คิดเป็นร้อยละ 14 และอันดับ 3 ด้านการผลิต ร้อยละ 8 ทั้งนี้ ได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแล้ว 242 ราย รวมวงเงินสินเชื่อ 261,310,000 ล้านบาท
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ขั้นตอนการดำเนินงานของศูนย์ฯหลังจากรับเรื่องแล้ว จะมีการวิเคราะห์กลั่นกรองเพื่อส่งต่อให้บริการ และให้คำปรึกษาเบื้องต้น รวมทั้งการประสานหน่วยงานบริการที่อยู่ในเครือข่าย หากต้องการขอสินเชื่อจะต้องมีการวิเคราะห์ศักยภาพธุรกิจ เพื่อขอนุมัติงบจากกองทุนฟื้นฟูฯ 2,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีกองทุนพลิกฟื้นฯ 1,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการฯจะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติเงินทุน โดยผู้ติดต่อผ่านศูนย์ฯ ทุกรายไม่ว่าด้านใดก็ตามจะได้รับการดูแลและให้การช่วยเหลือ และได้มีการจัดเก็บข้อมูล รวมถึงการติดตามผลผู้รับบริการบันทึกในฐานข้อมูลของศูนย์ฯ ซึ่งจะนำไปวิเคราะห์และเสนอเป็นนโยบาย หรือมาตรการให้การสนับสนุนและช่วยเหลือต่อไปในอนาคต เพื่อให้สามารถสนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้ได้มากที่สุด