นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานผลักดันธุรกิจบริการด้านภาพยนตร์เพื่อสร้างรากฐานแห่งการเป็นศูนย์กลางสำหรับ Production และ Post-Production ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปีที่ผ่านมามีจำนวนภาพยนตร์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำเพิ่มขึ้นถึง 15%
ขณะที่รัฐบาลได้ประกาศสิทธิประโยชน์ให้กับภาพยนตร์และสื่อโทรทัศน์ที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยที่มีผลในปีนี้ คือ การให้เงินคืน 15% สำหรับโปรเจคที่มีการลงทุนภายในประเทศไทยขั้นต่ำ 50 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 20% ได้เมื่อรวมกับ 3% หากมีการจ้างงานบุคลากรไทยในตำแหน่งที่สำคัญกับโปรเจคนั้นๆ และอีก 2% หากมีการโปรโมทประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยว
สำหรับในปี 2560 กระทรวงฯ ได้กำหนดยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกิจบริการด้านภาพยนตร์ไว้ 7 ด้าน คือ 1.สร้างให้ไทยเป็นฐานการผลิตงาน ฐานการลงทุนที่มีคุณภาพสูงของเอเชีย(Hub) และเป็นประตู (Gateway) สำหรับนักลงทุน นักธุรกิจต่างชาติที่จะเข้ามาทำธุรกิจในภูมิภาค 2.พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขานี้ ให้มีขีดความสามารถสูงในการคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างผลงานใหม่ ๆ และพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้สามารถรับจ้างผลิตงานที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศมากขึ้น 3.สร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลและหน่วยงานภาคปอกชนกับกลุ่มประเทศเป้าหมาย
4.ขยายตลาดการส่งออกภาพยนตร์ไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก 5.สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Creative Content/ IP/ Brand ของไทยและสร้างศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย 6.เพิ่มความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ขยายตลาดกับบริษัทต่างชาติ/กระตุ้นการ Co-Production/Investment และ 7.สร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานภาคเอกชนกับกลุ่มประเทศเป้าหมาย
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จากการหารือผู้ประกอบการไทยแล้วทำให้ได้รับรู้ถึงสิ่งที่ต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ คือ 1.จัดกิจกรรมเผยแพร่ศักยภาพอุตสาหกรรมภาพยนตร์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (Production, Post Production, Computer Graphics) 2.จัดอบรมสัมมนา เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ ความสามารถและเทคนิคต่างๆ /ให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อการส่งออกต่อไป 3.นำภาพยนตร์ไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญของโลกอย่างต่อเนื่อง 4.จัดคณะผู้แทนการค้า (Inbound/Outbound Business Matching) และ 5.กลยุทธ์เสริมสร้างมิตรทางการค้ากับผู้ลงทุน ผู้สร้าง ผู้กำกับ นักธุรกิจในต่างประเทศ ได้แก่ การจัดThai Night/Networking Party โดยแผนงานในปี 2560 จะเน้นในเรื่องของการร่วมงานแสดงสินค้าเฉพาะ เช่น งาน Cannes Film Festival งานMIPCOM งานAmerican Film Market เทศกาลภาพยนตร์ไทยในกัมพูชา งาน Taipei Film Festival ซึ่งประเทศดังกล่าวเป็นเป้าหมายสำคัญของไทยในการส่งออก
สำหรับภาพรวมของธุรกิจด้านภาพยนตร์ ประกอบด้วย 1) Pre-Production : casting, costume, make up, music 2) Production: shooting team, location, equipment service 3) Post Production: computer graphic, visual effect, editing, sound ส่วนที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การรับจ้าง Outsourcing การบริการ Production และ Post Production รวมทั้งบริการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย (Location Shooting) และขายลิขสิทธิ์ อีกทั้งปัจจุบันมีนักแสดง ผู้สร้างภาพยนตร์ อนิเมชั่นและสเปเชียล เอฟเฟคที่ได้รับรางวัล รวมทั้งได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ที่สร้างรายได้ให้ประเทศปีละหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ
"ธุรกิจบริการด้านภาพยนตร์สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบกว่า 3 หมื่นล้านบาท หากธุรกิจนี้เติบโตก็จะพาให้ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องเติบโตไปด้วย เช่น ธุรกิจบริการสตูดิโอและอุปกรณ์ในการถ่ายภาพยนตร์, บริการเช่ารถ, นักแสดง, ธุรกิจบริการด้าน Location, ธุรกิจบริการด้าน Visual effect/Computer Graphics, ธุรกิจโรงภาพยนตร์ รวมไปถึงร้านอาหาร การจัดเลี้ยง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เงินในเศรษฐกิจไทยหมุนเวียนได้อีกมากมาย" นางอภิรดี กล่าว