นายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เปิดให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ไปเมื่อวันที่ 18 เม.ย.60 มีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าใช้งานระบบเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากการจัดตั้งธุรกิจผ่านระบบ e-Registration มีระบบอำนวยความสะดวกที่ชัดเจน มีระยะเวลากำหนดแน่นอน สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง อย่างครบวงจรตั้งแต่จัดตั้ง เปลี่ยนแปลง ตลอดจนเลิกกิจการ ช่วยปรับปรุงกระบวนงานการให้บริการภาครัฐให้มีความรวดเร็วและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจให้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ง่ายต่อการเริ่มต้นธุรกิจในลำดับต้นๆ ตามการจัดอันดับของธนาคารโลก (World Bank)
"การประเมินความสะดวกในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนจากทั่วโลกที่จะนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ หากการจัดอันดับดี นักลงทุนก็ย่อมเชื่อมั่นอยากมาลงทุน ซึ่งอันดับที่จะออกมาจะเป็นตัวชี้วัดและบอกสถานะของประเทศถึงความพร้อมในการรองรับการลงทุน" รมช.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า เป้าหมายของรัฐบาลคือทำให้อันดับดีขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดหวังว่าภายในปี 2563 ประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 2 ของอาเซียน เมื่ออันดับของไทยสูงขึ้นจะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจในไทยมากขึ้น ก่อให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ
ทั้งนี้ ระบบ e-Registration เป็นระบบใหม่ที่นำมาใช้กับภาคธุรกิจ ซึ่งในช่วงแรกนี้ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวก e-Registration Support Center เพื่อให้คำแนะนำและคำปรึกษาในการเข้าใช้งานระบบ อีกทั้งยังได้ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่สำหรับลงพื้นที่ให้คำแนะนำทั้งใน และนอกสถานที่ในลักษณะ Mobile Unit โดยผู้ประกอบการสามารถนัดรวมตัวกันแล้วแจ้งความประสงค์เข้ามาที่กรมฯ เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ความรู้ และแนะนำการใช้งานระบบ e-Registration ณ สถานประกอบการ นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งจัดทำคู่มือประชาชน เพื่อเป็นคัมภีร์ให้ประชนสามารถปฏิบัติตามได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น