นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการรายย่อยว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี และน่าชื่นชม ซึ่งเป็นไปตามที่ รมว.คลังได้ให้แนวคิดเอาไว้ แต่อีกมิติที่ควรให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื่องต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายย่อย นอกเหนือจากเรื่องอัตราดอกเบี้ย คือ การพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนทางการเงินในระยะยาว ได้แก่ กระบวนการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการกู้เงิน จะต้องวางหลักประกัน ซึ่งอาจเป็นปัญหาทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้น และหากพิจารณาประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ จะพบว่าไทยยังจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มกลไกเรื่องหลักประกันเพื่อให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้นด้วย
"ที่ผ่านมา ได้มีการแก้ไขกฎหมายหลักประกันซึ่งได้เปิดกว้างมากขึ้น และเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อที่มีต้นทุนทางการเงินถูกลงได้มากขึ้น" นายวิรไท กล่าว
ส่วนกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้น ผู้ว่าฯ ธปท.มองว่าเป็นเรื่องของต้นทุนในการแข่งขันซึ่งสะท้อนความเสี่ยงในการทำธุรกิจ จึงเป็นเรื่องที่แต่ละสถาบันการเงินจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
นอกจากนี้ ยังต้องให้ความช่วยเหลือเรื่องความเสี่ยงในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ลดต่ำลงด้วย โดยจะต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพในหลายด้าน อาทิ ด้านเทคโนโลยี กลไก และตลาดใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน