ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจจีนในเดือน เม.ย. 2560 บ่งชี้ถึงสัญญาณที่เริ่มอ่อนแรงของภาคเศรษฐกิจ อันเป็นผลมาจากความพยายามจัดการภาคการผลิตที่มีกำลังการผลิตส่วนเกิน และการเอาจริงเอาจังกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวอย่างร้อนแรง ดังนั้น เศรษฐกิจจีนนับต่อจากนี้ น่าจะมีทิศทางที่อ่อนลงในช่วงที่เหลือของปี 2560
อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยที่ช่วยประคองเศรษฐกิจจีนให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ทางการวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของการค้าระหว่างประเทศ นำโดยการส่งออกของจีนที่คาดว่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ราว 4.2% จากที่หดตัวต่อเนื่องมากว่า 2 ปี หรือการบริโภคภาคเอกชนที่ยังคงขยายตัวได้ดี ซึ่งสะท้อนได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงกว่า 110 เป็นเวลา 2 เดือนติดกัน (มี.ค. – เม.ย. 2560) โดยตัวเลขดังกล่าวนับว่าอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงได้ปรับเพิ่มคาดการณ์มูลค่าการส่งออกของจีนในปี 2560 นี้จากเดิมที่กรอบ 1.8 – 4.8% (ค่ากลาง 3.5%) มาอยู่ที่ 3.0 – 5.5% (ค่ากลาง 4.2%) โดยพลิกกลับมาเป็นบวกได้หลังจากหดตัวมากว่า 2 ปี ทั้งนี้ สินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ได้แก่ สมาร์ทโฟนและชิ้นส่วนประกอบ เครื่องรับโทรทัศน์ วิทยุและส่วนประกอบ โน้ตบุ๊กและส่วนประกอบ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักไปยังตลาดสำคัญอย่าง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป ทั้งนี้ การส่งออกที่เพิ่มขึ้นย่อมนำมาซึ่งการขยายตัวของภาคการผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องข้างต้น
ทั้งนี้ จากโมเมนตัมการฟื้นตัวของการส่งออกจีนที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/59 เป็นต้นมา บวกกับการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การนำเข้าของจีนเพื่อมาตอบโจทย์สินค้าอุตสาหกรรมและการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวได้ดี และส่งผลทำให้การส่งออกของไทยไปยังจีนในช่วงไตรมาสที่ 1/60 ขยายตัวได้กว่า 36.9% (YoY) จากฐานเปรียบเทียบของปีที่ผ่านมาที่ค่อนข้างต่ำ นำโดยวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางเพื่ออุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นยางพารา เม็ดพลาสติก ชิ้นส่วนยานยนต์ น้ำมันดิบ ซึ่งบางส่วนได้อานิสงส์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ฟื้นตัว หรือสินค้าคงทนอย่างยานยนต์นั่งส่วนบุคคลและชิ้นส่วนประกอบ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การส่งออกของไทยไปยังจีนในปี 2560 จะสามารถขยายตัวได้ในกรอบ 5.5-8.5% (ค่ากลางที่ 7.0%) ทั้งนี้ ทิศทางการอ่อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์และการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมที่ทางการจีนพยายามปฏิรูป ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกไทยที่เกี่ยวข้อง อาทิ เหล็กและเหล็กกล้า อย่างมีนัยสำคัญ