น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ชี้แจงกรณี ประธานเครือข่ายปฏิรูประบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ (คสร.) ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมบัญชีกลาง ทักท้วงโครงการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดรักษาพยาบาลของข้าราชการที่กรมบัญชีกลางกำลังดำเนินการอยู่ ด้วยข้ออ้างว่าต้องการแก้ปัญหาทุจริตของข้าราชการบางคน แต่ คสร.เห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงประเด็น ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองงบประมาณสวนทางกับนโยบายของรัฐบาลว่า โครงการบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เป็นการต่อยอดโครงการเบิกจ่ายตรงสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ โดยนำหลักการทำงานของบัตรเครดิตมาประยุกต์ใช้ ซึ่งบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการตรวจสอบและพิสูจน์ตัวบุคคล ทดแทนการลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาล โดยผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวสามารถใช้บัตรดังกล่าว เพื่อประกอบการใช้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลในระบบเบิกจ่ายตรงได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอเวลาการประมวลผลข้อมูลตามระบบเดิม
อีกทั้งบัตรนี้ยังใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตรวจสอบการทำธุรกรรมการชำระเงินค่ารักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลเรียกเก็บจากกรมบัญชีกลางในระบบเบิกจ่ายตรงด้วย ซึ่งการนำบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการมาใช้ นอกจากจะช่วยให้กรมบัญชีกลางสามารถรับรู้ข้อมูลและค่าใช้จ่ายการเข้ารับบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยได้ทันทีภายในวันเดียวกันแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบการเบิกค่ารักษาพยาบาลในระบบเบิกจ่ายตรงอีกด้วย
สำหรับประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดกรมบัญชีกลางจึงไม่นำบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart card มาใช้เพื่อพิสูจน์ตัวตนเช่นเดียวกับที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวกรมบัญชีกลางขอชี้แจงว่า สปสช.นำบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart card มาใช้เพียงเพื่อพิสูจน์ตัวตนก่อนเข้ารับการรักษาพยาบาลเท่านั้น โดยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตรวจสอบการทำธุรกรรมการชำระเงินค่ารักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลเรียกเก็บจากกรมบัญชีกลางในระบบเบิกจ่ายตรงเช่นเดียวกับบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
นอกจากนี้ บัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart card ตามกฎหมาย ว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชนเป็นบัตรที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำดังกล่าวจะต้องไม่เปิดเผยต่อบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งมิใช่ผู้จัดทำหรือรวบรวมข้อมูลนั้นได้ ดังนั้น ในชั้นนี้จึงยังไม่สามารถนำบัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart card มาใช้ในโครงการดังกล่าวได้
อย่างไรก็ดี ในอนาคตหากสามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบ Smart card เป็นเครื่องมือประกอบการตรวจสอบการทำธุรกรรมการชำระเงินค่ารักษาพยาบาลในระบบจ่ายตรงของกรมบัญชีกลางได้แล้ว กรมบัญชีกลางก็จะนำบัตรประชาชนดังกล่าวมาใช้ทดแทนการออกบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการต่อไป
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้กำหนดกรอบแนวทางการดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ โดยในเบื้องต้นจะคัดเลือกโรงพยาบาลที่มีศักยภาพและมีความพร้อม เพื่อเป็นต้นแบบการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนตุลาคม 2560 ส่วนค่าใช้จ่ายในการออกบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและค่าใช้จ่ายในบริหารจัดการอยู่ในระหว่างการพิจารณา ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นเงินเท่าไร