ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดกนง. 24 พ.ค.ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง-ส่งสัญญาณยืนระดับต่ำอีกระยะ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 22, 2017 15:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมวันที่ 24 พ.ค. 60 น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อเนื่อง และน่าจะส่งสัญญาณยืนดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะ หลังพัฒนาการเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกทยอยปรับดีขึ้นตามลำดับ โดยในไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ค่อนข้างดี ตลอดจนตัวเลขการเติบโตของการส่งออกรายเดือนที่สูงกว่าที่คาด อาจนับเป็นสัญญาณที่สะท้อนพื้นฐานที่ดีของเศรษฐกิจไทย และแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะสามารถประคองการฟื้นตัวไว้ได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาพโมเมนตัมของเศรษฐกิจดังกล่าว น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้กนง. ยังคงมีมติยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามเดิม พร้อมๆ กับถ้อยแถลงที่จะยังคงระบุถึง การพร้อมใช้เครื่องมือทางการเงิน เพื่อเอื้อให้การขยายตัวของเศรษฐกิจมีความต่อเนื่อง นอกจากนี้ การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์เพี่อช่วยเหลือ SMEs และลูกค้ารายย่อย คงเป็นปัจจัยช่วยลดทอนแรงกดดันต่อกำลังซื้อและภาระต้นทุนของภาคธุรกิจลงได้บ้างบางส่วน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อที่จะยังไม่เร่งตัวมากในปีนี้ อาจเปิดพื้นที่ให้กนง. สามารถผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม แต่ความเป็นไปได้ที่จะเห็นกนง. เปลี่ยนจุดยืนมาปรับลดดอกเบี้ยยังค่อนข้างน้อย เพราะกนง.น่าจะให้น้ำหนักกับภารกิจอีกด้านหนึ่ง ซึ่งก็คือ การดูแลเสถียรภาพทางการเงินไปควบคู่กัน โดยคงต้องยอมรับว่า อัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำเกินไป อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมการแสวงหาผลตอบสูง (ที่อาจไม่คุ้มความเสี่ยง) กระจายวงกว้างขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว ย่อมไม่เป็นผลดีต่อระบบการเงินโดยรวมของประเทศ

ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย น่าจะยังคงอยู่ที่ 1.50%ได้ตลอด แม้จะมีโอกาสที่ช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐฯ จะหดแคบลงอีกในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไปที่กรอบ 1.00-1.25% ในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิ.ย. นี้ อีกครั้ง (จากปัจจุบันที่ 0.75-1.00%) อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับว่า ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทย น่าจะมีโอกาสทยอยปรับเพิ่มขึ้นตามความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ตอบรับแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินในระยะที่เหลือของปีจากเฟด ดังนั้น คาดว่า จะเห็น กนง. กล่าวย้ำถึงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของครึ่งปีหลัง เพื่อลดทอนแรงกดดันภายนอกที่อาจกระทบต่อต้นทุนทางการเงินในประเทศ และเพื่อสนับสนุนบรรยากาศการฟื้นตัวของทิศทางการใช้จ่ายในประเทศ

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วง 3-6 เดือนหลังจากนี้ คงได้แก่ “จังหวะ” การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตลอดจนการส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อการลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่อาจจะส่งผลต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในระยะกลางของไทย แม้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนมิ.ย. นี้ อาจจะยังไม่ได้สร้างแรงกดดันให้ กนง. ต้องมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเฟดในทันที แต่คงต้องยอมรับว่า หากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐฯ ปิดลงได้ก่อนช่วงสิ้นปี กนง. ก็อาจจะเริ่มออกมาส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยและแนวนโยบายการเงินในช่วงปีข้างหน้า ที่น่าจะมีความสอดคล้องกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟดมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ