นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันนี้มีผู้ยื่นซองเสนอราคาการประมูลข้าวสารเป็นการทั่วไปล็อตสุดท้าย ซึ่งเป็นข้าวกลุ่ม 1 ที่ใช้เพื่อการบริโภคปกติปริมาณ 1.82 ล้านตัน 58 ราย จากผู้ผ่านคุณสมบัติ 59 ราย โดยราคาที่เสนอซื้ออยู่ที่ประมาณตันละ 4,000-11,000 บาท ถือว่าการเปิดประมูลครั้งนี้คึกคักมาก และเสนอราคาค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม หากสามารถขายล็อตนี้ได้หมด จะทำให้เหลือข้าวในสต๊อกรัฐบาลอีกประมาณ 2.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวเสื่อมต้องเข้าสู่อุตสาหกรรมเท่านั้น โดยจะทยอยระบายให้หมดภายในปีนี้
นอกจากนี้ กรมฯ ได้เสนอผลการพิจารณาระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลกลุ่ม 3 หรือข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่คนและสัตว์บริโภค ซึ่งเปิดประมูลไปเมื่อวันที่ 28 เม.ย.60 ให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณา และได้อนุมัติขายให้กับผู้ชนะการประมูล 10 ราย ใน 81 คลัง ปริมาณ 500,000 ตัน จากปริมาณที่เปิดประมูลทั้งหมด 1.03 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1,523 ล้านบาท หรือเฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาท
"การอนุมัติขายข้าวเสื่อมล็อตนี้ คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ซึ่งมี น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานพิจารณาแล้ว และได้กำหนดเกณฑ์ราคาที่จะอนุมัติขายไม่ต่ำกว่าตันละ 2,000 บาท เพราะการเสนอซื้อข้าวเสื่อมรอบนี้มีหลากหลายราคา โดยราคาต่ำสุดอยู่ที่ตันละ 500 บาท จึงต้องกำหนดเกณฑ์ขึ้นมา ส่วนที่เสนอต่ำกว่าก็ไม่อนุมัติขาย" นางดวงพร กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากการอนุมัติขายข้าวล็อตนี้ไป 500,000 ตันแล้ว ทำให้การระบายสต๊อกข้าวนับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศสามารถระบายออกไปได้แล้ว 12.74 ล้านตัน มูลค่า 114,792 ล้านบาท
นางดวงพร กล่าวถึงการส่งออกข้าวไทยว่า ทั้งปีคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 9.5 ล้านตันแน่นอน โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 พ.ค.60 มีปริมาณรวม 4.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 14.3% จาก 3.8 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีมูลค่า 66,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่า 61,253 ล้านบาท