นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ"กระทรวงพาณิชย์กับการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจท้องถิ่น Local Economy 4.0" ว่า ได้ให้แนวคิดกับกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะพาณิชย์จังหวัด เร่งเดินหน้าขยายตลาดสินค้าชุมชน หรือ หรือตลาดสินค้าเฉพาะอย่างในแต่ละท้องถิ่น พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน โดยมีแนวคิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวในแหล่งสินค้าโอทอปของแต่ละชุมชม หรือ หมู่บ้านโอทอป เพื่อให้แต่ละชุมชนมีรายได้มากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างการพัฒนาการเชื่อมโยงไปยังการค้าชายแดน ล่าสุดได้มีการหารือกับประเทศลาวในเรื่องการสร้างตลาดประชารัฐไทย-ลาว เพื่อเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนและการท่องเที่ยวในริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เดินหน้าและอัดฉีดเงินเข้าไปสู่ 7 จังหวัดชายแดนลุ่มน้ำโขงด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสมคิด มองว่า หากมีการสร้างผู้นำชุมชนที่เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ไม่ให้ใครมาหลอกได้ จะมีส่วนช่วยทำให้เกิดประชาธิปไตยที่แข็งแรง เวลาเลือกตั้งก็เลือกนักการเมืองที่ดีมาสานต่อ ท้องถิ่นก็จะมีความเจริญยิ่งขึ้น ซึ่งประชารัฐจะเป็นส่วนช่วยในการสร้างผู้นำในอนาคตข้างหน้าได้
นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนของการเดินหน้าการปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่เน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นควบคู่กับเศรษฐกิจภายนอก ซึ่งสิ่งที่ต้องการให้เกิดคือ การสร้างเศรษฐกิจในภูมิภาคที่มีอยู่ 8,000 ตำบล หรือ 80,000 กว่าหมู่บ้าน ด้วยการสร้างกิจกรรมเศรษฐกิจให้กระจายไปทั่วประเทศ
"กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นหน่วยงานหลักในการช่วยผลักดันให้เกิดกิจกรรมเศรษฐกิจ ซึ่งต้องเข้าไปดูว่าในแต่ละพื้นที่สามารถจะผลิตสินค้าอะไรบ้าง โดยคำนึงถึงการเพิ่มมูลค่าสินค้าและการพัฒนาคุณภาพให้มากขึ้น และจำเป็นต้องมีผู้นำเกษตร หรือสมาร์ทฟาร์มเมอร์ มาช่วยในการถ่ายทอดแนวคิดการทำเกษตรแนวใหม่ ให้ความรู้กับเกษตรกรเพื่อนำไปต่อยอดได้"
นายสมคิด กล่าวถึงสถานการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นที่รพ.พระมงกุฎเกล้าว่า ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งในส่วนของไทยฝ่ายความมั่นคงก็ได้ดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงไม่อยากให้กังวลเกินกว่าเหตุ และฝากให้ทุกคนจะต้องช่วยกันสอดส่องดูแลกันเอง ไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก