นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ ได้รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เมษายน 2560 มีจำนวน 6,267,920.88 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.64% ของ GDP โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 4,823,995.82 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 972,750.61 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 452,740.79 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 18,433.66 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 101,371.56 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐบาลจำนวน 4,823,995.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 95,340.22 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินตามแผนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 และการกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน 69,264.67 ล้านบาท เพื่อโดยแบ่งเป็น
- เงินกู้ระยะสั้น จำนวน 4,575 ล้านบาท โดยการออกตั๋วเงินคลัง
- เงินกู้ระยะยาว จำนวน 64,689.67 ล้านบาท ภายใต้การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพื่อนำไปลงทุนในการพัฒนาประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 26,300 ล้านบาท พันธบัตรออมทรัพย์ 4,389.67 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน 34,000 ล้านบาท
การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ จำนวน 1,485.96 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้ให้กู้ต่อแก่ (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจำนวน 1,076.17 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จำนวน 759.92 ล้านบาท และสีน้ำเงิน จำนวน 316.25 ล้านบาท และ (2) การรถไฟแห่งประเทศไทยจำนวน 409.79 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย จำนวน 332.74 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต จำนวน 77.05 ล้านบาท
การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 1,172.42 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
การกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 25,450 ล้านบาท จากการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่กู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่จะครบกำหนดในวันที่ 16 มิถุนายน 2560 วงเงิน 162,000 ล้านบาท
หนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 312.01 ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้เงินเยน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญ
ขณะที่หนี้รัฐวิสาหกิจจำนวน 972,750.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 9,865.29 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากหนี้ในประเทศเพิ่มขึ้นสุทธิ 4,994.15 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากหนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันมีการกู้ เบิกจ่ายและชำระหนี้เงินกู้สุทธิ จำนวน 6,674.92 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเบิกจ่ายเงินกู้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 6,000 ล้านบาท เป็นสำคัญ
หนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นสุทธิ 4,871.14 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการเบิกจ่ายเงินกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 13,065.09 ล้านเยน หรือ 4,115.93 ล้านบาท ในการจัดซื้อเครื่องบิน และผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 452,740.79 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 2,839.39 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 18,433.66 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 994.56 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้สุทธิของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2560 จำนวน 6,267,920.88 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 5,948,477.75 ล้านบาท หรือ 94.90% และหนี้ต่างประเทศ 319,443.13 ล้านบาท (ประมาณ 9,324.71 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ 5.10% ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และหนี้สาธารณะคงค้างแบ่งตามอายุคงเหลือ สามารถแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,414,090.58 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.38 และหนี้ระยะสั้น 853,830.30 ล้านบาท หรือ 13.62% ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด