นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะนำคณะ ประกอบด้วย รัฐมนตรีและผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวิทยาศาสตร์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในทุกๆ ด้าน ระหว่างวันที่ 4-8 มิ.ย.นี้
โดยบีโอไอจะร่วมมือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศญี่ปุน (เจโทร) จัดงานสัมมนา "ประเทศไทยมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งอาเซียน" (Thailand Towards Asian Hub) เพื่อแสดงให้เห็นถึงการผลักดันของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนญี่ปุ่นตอบรับเข้าร่วมแล้วกว่า 1,000 คน แสดงให้เห็นว่านักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสำคัญและสนใจต่อนโยบายของไทยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้นายสมคิดจะได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "โอกาสในการลงทุน ยุคประเทศไทย 4.0", นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ปาฐกถาเรื่อง "เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก", นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะร่วมบรรยายหัวข้อ "โครงการพัฒนา Digital Park Thailand และเมืองนวัตกรรมในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก" และตนเองในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลบีโอไอจะร่วมปาฐกถาในหัวข้อ "พลิกโฉมประเทศไทย 4.0"
รวมทั้งมีการอภิปรายในหัวข้อ "แนวโน้มและยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย" (Japanese Companies’ Investment Trend and Strategies in Thailand) โดยมีบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศไทยมายาวนาน เช่น ฮิตาชิ, โตโยต้า มอเตอร์ และ ยามาโมโต้ โฮลดิ้ง ร่วมแสดงความคิดเห็นและมุมมองต่อการลงทุนในประเทศไทย
นายสุวิทย์ กล่าวว่า บีโอไอยังจัดให้มีการประชุมหารือรายบริษัท (One on one Meeting) ระหว่างรองนายกรัฐมนตรี กับ 4 บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัทในกลุ่มสตาร์ทอัพ (startup) ซึ่งเป็นผู้นำในด้านการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยีขั้นสูง บริษัทในกลุ่มอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ บริษัทในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นด้วย ซึ่งมั่นใจว่าหลังจากการหารือในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ผลิตต่างๆ ดังกล่าวตัดสินใจเข้ามาลงทุนในเร็ว ๆ นี้
"ไทยและญี่ปุ่นมีความใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในด้านการลงทุน ซึ่งผู้ประกอบการจากญี่ปุ่นเป็นกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนครบทุกรายแล้ว และได้ช่วยดึงให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรายสำคัญ และอุตสาหกรรมสนับสนุนอื่นๆ ตามเข้ามาลงทุนเพื่อป้อนให้ผู้ผลิตรายใหญ่จำนวนมาก ดังนั้นหากเราสามารถดึงดูดให้บริษัทญี่ปุ่นใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย และเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระดับต้น ๆ ของโลกเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น บริษัทเหล่านี้จะเป็นแม่เหล็กช่วยดึงโครงการลงทุนอื่นๆ ตามเข้ามาในอนาคต ซึ่งอุตสาหกรรมเป้าหมายเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญของประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0" นายสุวิทย์ กล่าว