นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX - World of food Asia 2017 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 พ.ค.- 4 มิ.ย.60 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีว่า ปัจจุบันไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเฉลี่ยปีละ 800,000 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 26,538 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 9 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เพียง 5% เพราะประเทศคู่ค้ามีความเชื่อมั่นในสินค้าไทยมากขึ้น จากการที่ไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร และมีการคุ้มครองแรงงาน
นอกจากนี้ ประเทศคู่แข่งในการส่งออกอาหารหลายประเทศต่างกำลังประสบปัญหาภัยแล้งและโรคระบาด ทำให้ผลผลิตลดน้อยลง และส่งออกได้ลดลงตามมา ส่งผลให้ผู้นำเข้าหลายประเทศหันมานำเข้าจากไทยมากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ผนวกเข้ากับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาภาคอุตสาหกรรม หรือที่เรียกว่า เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECI) ที่มีเป้าหมายใน 10 อุตสาหกรรม โดยในจำนวนนี้มีอุตสาหกรรมด้านอาหารอยู่ด้วย ซึ่งเป็นการพลิกโฉมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะการส่งเสริมอาหารเพื่อการป้องกันและแก้โรคภัยไข้เจ็บที่จะเป็นการเพิ่มมูลค่าอาหารไทยในอนาคต ซึ่งได้ให้นโยบายกระทรวงพาณิชย์ในการเพิ่มช่องทางการนำสินค้าสู่ผู้บริโภค และส่งเสริมให้เกิดการค้าขายผ่านออนไลน์ และปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ให้มีสะดวกมากขึ้น โดยมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ไทยเป็นครัวของโลกได้อย่างแน่นอน
ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ไทยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังประเทศต่างๆ มากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก มีมูลค่ากว่า 800,000 ล้านบาท และมีสินค้าอาหารของไทยที่อยู่ใน 5 อันดับแรกในตลาดโลก ได้แก่ ข้าว ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และสิ่งปรุงรสอาหาร ซึ่งกระทรวงฯ จะเร่งเดินหน้าและพัฒนาศักยภาพในอุตสาหกรรมอาหารของไทยต่อไป เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นครัวของโลกตามนโยบายรัฐบาล โดยที่ผ่านมาได้เพิ่มความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง และมีแผนผลักดันให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วย
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การจัดงาน THAIFEX - World of food Asia 2017 ปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2,200 บริษัท 5,200 คูหา จาก 40 ประเทศ และเป็นปีแรกที่กลุ่มห้างค้าปลีกสมัยใหม่รายใหญ่ เช่น แมคโคร, บิ๊กซี, ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าร่วมงาน และยังมีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยกรมฯ ตั้งเป้าหมายมีผู้เข้าชมงานประมาณ 150,000 คน และมีมูลค่าการสั่งซื้อสินค้าในงานจะไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาหรือประมาณ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญมีแนวโน้มดีขึ้น จึงคาดว่าความต้องการสินค้าอาหารทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นตาม