ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่า ภาคการส่งออกในช่วงไตรมาส 2/60 จะยังขยายตัวได้ดี แม้ว่าขณะนี้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นซึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อจากต่างประเทศ ในส่วนอัตราแลกเปลี่ยนมีการเคลื่อนไหวแบบแกว่งตัว ทั้งอ่อนค่าและแข็งค่า แต่การส่งออกไม่ได้ดูเฉพาะค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์เพียงอย่างเดียว คงต้องดูการเปรียบเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้าอื่นๆ ด้วย
น.ส.พรเพ็ญ สดศรีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า ในไตรมาส 2/60 การส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปัจจัยหลัก คือ กำลังซื้อในต่างประเทศ อุปทานด้านสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าเกษตรแปรรูป และการเติบโตของกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในเดือน พ.ค.ไม่สามารถประเมินได้ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกหรือไม่ เพราะการแข่งขันด้านราคาไม่ได้ดูเฉพาะค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่จะต้องดูค่าเงินบาทเทียบสกุลภูมิภาคและอัตราเงินเฟ้อด้วย
“ภาคการส่งออกที่ขยายตัวได้ดี มาจากกำลังซื้อในต่างประเทศ ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนนั้นเปลี่ยนแปลงได้ โดยในเดือน พ.ค.ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะดีกว่านี้ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือบรรยากาศการค้าโลก และนโยบายกีดกันทางการค้า ซึ่งหากส่งออกไปได้ดี ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศ การบริโภคและภาคการผลิตก็จะฟื้นตัวตามไปด้วย" น.ส.พรเพ็ญ กล่าว
สำหรับการส่งออกไทยในเดือน เม.ย. ขยายตัวได้ต่อเนื่อง 5.9% โดยการส่งออกยังขยายตัวได้ในหลายหมวดสินค้าสอดคล้องกับอุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง มูลค่านำเข้าขยายตัว 10.1% ส่วนภาคการท่องเที่ยวขยายตัว 7% และการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ครัวเรือนโดยเฉพาะรายได้เกษตรที่ขยายตัวดี ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังทรงตัว โดยการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับการส่งออกและปิโตรเลียมยังขยายตัวได้ดี และการลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวหลังจากที่เร่งไปก่อนหน้า
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.38%ชะลอลงจากเดือนก่อนตามราคาอาหารสดที่ลดลง อัตราว่างงานทรงตัว ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลทั้งดุลการค้าและดุลบริการ