นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการเปิดประเภทกิจการใหม่ คือ กิจการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนโครงข่ายการสื่อสารผ่านเคเบิลใต้น้ำ
ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนเส้นทางน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และหากมีการลงทุนเพิ่มโครงข่ายมากขึ้นจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการระบบอินเตอร์เน็ต และช่วยให้ประชาชนเข้าถึงและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีในกลุ่มกิจการต่างๆ ที่มีระดับเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงหรือมีขั้นตอนการพัฒนาและออกแบบเช่น กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระดับเทคโนโลยีขั้นสูง หรือมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่กิจการนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นกิจการที่ช่วยจัดระเบียบพื้นที่อุตสาหกรรมช่วยดูแลด้านสิ่งแวดล้อม
พร้อมกันนี้ ยังได้ขยายเวลานโยบายส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในสิ้นปีนี้ ให้มีผลถึงสิ้นปี 2561 เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ชายแดนมากขึ้น และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่ชายแดน
รวมทั้งเห็นชอบให้เปิด 6 ประเภทกิจการซึ่งสิ้นสุดการให้ส่งเสริมไปแล้วให้สามารถขอรับส่งเสริมได้จนถึงสิ้นปี 2561 เนื่องจากเป็นกิจการที่นักลงทุนในพื้นที่ให้ความสนใจ และกิจการ 2 ประเภทในกลุ่มนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายขอบข่ายธุรกิจให้กว้างขึ้นด้วย ได้แก่ กิจการผลิตวัสดุก่อสร้าง ให้ครอบคลุมวัสดุก่อสร้างทุกประเภท และกิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกาย ให้รวมถึงการผลิตเครื่องสำอางด้วย
ทั้งนี้ การส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ 10 จังหวัด (ตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี และนราธิวาส) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 จนถึงเดือนเมษายน 2560 มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมแล้วจำนวน 41 โครงการ เงินลงทุนรวม 8,578.7 ล้านบาท