พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พอใจผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประจำปี 2560 ที่สถาบัน IMD World Competitiveness Center ประกาศเมื่อวานนี้ โดยประเทศไทยมีผลคะแนนและอันดับที่ดีขึ้น คือ มีคะแนนรวม 80.095 จากปีที่แล้วได้ 74.681 และเลื่อนขึ้น 1 อันดับ จากอันดับที่ 28 มาเป็นอันดับที่ 27 ในปีนี้
"เมื่อพิจารณาข้อมูลตั้งแต่ปี 56-60 จะเห็นได้ว่า ไทยมีคะแนนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นมา และเริ่มมีแนวโน้มสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของทุกประเทศที่ได้รับการจัดอันดับตั้งแต่ปี 58 โดยในปีนี้คะแนนเฉลี่ยของ 63 ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเท่ากับ 77.033 แสดงให้เห็นว่าความพยายามของรัฐบาลและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เริ่มส่งผลให้เห็นแล้ว" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
สำหรับปัจจัยหลักที่ใช้ในการจัดอันดับทั้ง 4 ด้าน พบว่า สภาวะทางเศรษฐกิจ มีอันดับดีที่สุดคือ อยู่ในอันดับที่ 10 ดีขึ้น 3 อันดับจากปีที่แล้ว ส่วนประสิทธิภาพของภาครัฐอยู่ในอันดับที่ 20 ดีขึ้น 3 อันดับ ขณะที่ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจและโครงสร้างพื้นฐานยังคงอยู่ในอันดับที่ 25 และ 49 เช่นเดิม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นอันดับต้น ๆ โดยได้กำหนดให้การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ และบูรณาการร่วมกับภาคเอกชนผ่านคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในทุกด้าน โดยชื่นชมทุกภาคส่วนที่มุ่งมั่นทำงานจนเกิดผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง 3 ปีติดกัน
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สาธารณสุข และการศึกษา เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาหาแนวทาง ในการพัฒนาให้มีอันดับดีขึ้นเช่นเดียวกันกับ สภาวะทางด้านเศรษฐกิจและประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐ
นอกจากนี้ Trip Advisor ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Travellers’ Choice เป็น 3 ใน 15 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวของเอเชียที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม อยู่ในอันดับที่ 4, พระบรมมหาราชวัง อยู่ในอันดับที่ 9 และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อยู่ในอันดับที่ 14
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานคณะอนุกรรมการด้านการจัดการข้อมูลและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ และ ที่ปรึกษา TMA และในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการจัดการข้อมูลและสื่อสารประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) กล่าวว่า หากประเทศไทยมีการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะโครงการการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) อย่างเป็นรูปธรรม และความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาคเอกชน จะมีส่วนช่วยในการการพิจารณาการอันดับในด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้
"EEC จะมีโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสื่อสาร เรื่องการขนส่ง เรื่องการวิจัยพัฒนา รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษาด้วย ก็จะช่วยให้คะแนนขึ้น เพราะฉะนั้นดำเนินการตามทิศทางที่เริ่มไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคะแนนเราน่าจะไปได้"นายเทวินทร์ กล่าว
นายเทวินทร์ แสดงความมั่นใจว่าภาพรวมคะแนนปีนี้ขึ้นมาเป็น 80 คะแนน ถ้าเทียบในอาเซียนด้วยกันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง ซึ่งไทยเป็นอันดับ 3 รองจากสิงค์โปร์และมาเลเซีย ซึ่งจากข้อมูลอันดับของมาเลเซียลดลงมา ซึ่งก็ต้องติดตามในอนาคตว่า ประเทศใดจะมีการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ได้ก้าวหน้ากว่ากัน
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ รองประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) และ รองประธาน TMA Center for Competitiveness กล่าวว่า ในเชิงตัวเลขมีหลายโครงการที่ดำเนินอยู่แต่อาจจะยังไม่แสดงผลออกมาชัดเจน แต่คาดหวังว่าปีหน้าจะได้คะแนนที่ดีขึ้น ส่วนอันดับจะดีขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่การปรับตัวของไทยได้เร็วกว่าคนอื่นหรือไม่ ซึ่งเมื่อมองลงไปตัวเลขในด้านโครงสร้างพื้นฐานอาจยังไม่ดีขึ้น แต่ก็หวังโครงการที่ทำร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชนจะเห็นผลดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะมีอันดับที่ดีขึ้นแต่ยังไม่สามารถวางใจได้ เพราะค่าเฉลี่ยของคะแนนในการจัดอันดับมีการปรับขึ้นทุกๆปี ประมาณ 3-4 คะแนน ซึ่งหากไทยได้คะแนนเท่าเดิมจะส่งผลให้การจัดอันดับของไทยตกลงได้ จึงจำเป็นต้องมีการสานต่อการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าในขณะนี้อยู่ในทิศทางและกลไกที่ถูกต้องแล้ว และยังต้องทำงานต่อเนื่องต่อไป