นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงโครงการปฎิรูปกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินในครั้งนี้ว่า จะช่วยเพิ่มความชัดเจน ความโปร่งใส และลดความซ้ำซ้อน โดยบางเรื่องเป็นการปรับเปลี่ยนหลักคิดของการทำงานภายใต้กรอบกฎหมายใหม่โดยให้ภาคเอกชนสามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศและบริหารความเสี่ยงได้เสรีเพิ่มขึ้น ตามทแนวทางการบริหารกิจการและควบคุมภายในที่ธุรกิจเอกชนแต่ละแห่งกำหนดขึ้นเองภายใต้กรอบที่ธปท.กำหนด
นอกจากนี้ การผ่อนคลายกฎเกณฑ์การแลกเปลี่ยนเงินในรอบนี้ ยังครอบคลุมถึงการลดขั้นตอนยื่นเอกสารที่ไม่จำเป็น ผ่อนคลายให้เอกชนทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศโดยไม่ต้องยื่นขออนุญาตต่อธปท. เพิ่มผู้เล่นในตลาดเงินตราต่างประเทศ และสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งสนับสนุนให้ใช้เครื่องมืออิเล็คทรอนิคส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกคล่องตัว
ในการดำเนินการผ่อนคลายกฎเกณฑ์แลกเปลี่ยนเงิน ธปท.จะทยอยดำเนินการเป็นลำดับ หลายเรื่องมีผลบังคับใช้ในเดือนนี้ และจะดำเนินการผ่อนคลายส่วนใหญ่ให้แล้วเสร็จภายในปี 60 แต่อาจมีบางเรื่องที่ต้องใช้เวลา บางเรื่องอาจต้องใช้เวลาดำเนินการถึงปี 61
"จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่า การผ่อนคลายในระยะแรกจะช่วยลดต้นทุนของภาคเอกชนในส่วนที่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้มากกว่าพันล้านบาทต่อปี ซึ่งยังไม่รวมถึงประโยชน์ทางอ้อมที่ประเมินเป็นตัวเลขได้ยาก"
อย่างไรก็ดี การผ่อนคลายหรือยกเลิกกฎเกณฑ์เหล่านี้จะไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ดูแลเสถียรภาพทางการเงินของธปท. โดยธปท.จะยังมีข้อมูลสำหรับติดตามและวิเคราะห์เงินทุนเคลื่อนย้าย เพื่อประเมินผลกระทบต่อตลาดเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม