พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยเผยภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.จันทบุรี เพื่อตรวจเยี่ยม การดำเนินงานการส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ และ การพัฒนาการเกษตรสู่ความยั่งยืน ณ สหกรณ์การเกษตรเขาคิชกูฎ อ.เขาคิชกูฎ จ.จันทบุรีว่า ในจังหวัดจันทบุรี มีเกษตรแปลงใหญ่ 17 แปลง ใน 9 ชนิดสินค้า ได้แก่ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย ชันโรง ยางพารา กุ้งขาว โคนม และ หญ้าเนเปียร์ รวมพื้นที่ 10,581 ไร่ เกษตรกร 956 ราย โดยมีตัวอย่างเกษตรแปลงใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ เช่น แปลงใหญ่ทุเรียน ลดต้นทุน ได้ร้อยละ 9.9 จาก 25,551 บาท/ไร่ เหลือ 22,996 บาท/ไร่ เพิ่มผลผลิต ได้ร้อยละ 11.0 จาก 1,461 กก./ไร่ เป็น 1,622 กก./ไร่ แปลงใหญ่มังคุด ลดต้นทุน ได้ร้อยละ 7.9 จาก 8,622 บาท/ไร่ เหลือ 7,939 บาท/ไร่ เพิ่มผลผลิต ได้ร้อยละ 20.0 จาก 900 กก./ไร่ เป็น 1,080 กก./ไร่ แปลงใหญ่ลำไย ลดต้นทุน ได้ร้อยละ 9.3 จาก 15,000 บาท/ไร่ เหลือ 13,600 บาท/ไร่ เพิ่มผลผลิต ได้ร้อยละ 10.0 จาก 2,000 กก./ไร่ เป็น 2,200 กก./ไร่ ซึ่งหัวใจที่สำคัญของเกษตรแปลงใหญ่ คือ การมุ่งสู่การผลิตสินค้ามีมาตรฐาน GAP ตรงความต้องการ ทำให้สินค้าเป็นที่เชื่อมั่น โดยเฉพาะสินค้าผลไม้ที่เป็นที่ต้องการของต่างประเทศมาก
สำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำ และ ระบบกระจายน้ำ เพื่อทำให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืนในการทำการเกษตรในภาพรวมภาคตะวันออก ปี 2557 - 2559 ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ฝาย สถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ และ อื่นๆ รวม 83 แห่ง เพิ่มปริมาณน้ำได้ 197.40 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่การเกษตร 82,259 ไร่ ใน ปี 2560 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการกระจายน้ำไปยังพื้นที่การเกษตร ได้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ฝาย สถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ และ อื่นๆ รวม 107 แห่ง เพิ่มปริมาณน้ำได้ 362.61 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่การเกษตร 72,360 ไร่ รวมระยะเวลา 3 ปี เพิ่มปริมาณน้ำได้ 560.01 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่การเกษตร 154,619 ไร่ มากว่ารัฐบาลที่ผ่านมาถึง 6 เท่า สำหรับในภาพรวม จ.จันทบุรี ปี 2557 - 2559 เพิ่มปริมาณน้ำได้ 6.85 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่การเกษตร 17,895 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำได้ 68.48 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่การเกษตร 51,000 ไร่
จากการประเมินผล พบว่าเกษตรกรสวนทุเรียน จ.จันทบุรี ที่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำได้ มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 200,000 บาท/ไร่ เป็น 260,000 บาท/ไร่ เพิ่มขึ้น 60,000 บาท/ไร่ สำหรับในส่วนเกษตรแปลงใหญ่ จ.จันทบุรี 17 แปลง มีแหล่งน้ำอยู่แล้ว 10 แห่ง ยังขาดแหล่งน้ำ 7 แห่ง ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้วางแผนจัดทำแหล่งน้ำเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนน้ำให้แปลงใหญ่ และ พื้นที่เกษตรที่อยู่ข้างเคียง จำนวน 14 โครงการ ดำเนินการเสร็จแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการเพิ่มความจุเก็บกักอ่างเก็บน้ำศาลทราย อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 โครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2560 อีก 7 โครงการ จะดำเนินการในปีงบประมาณ 2561
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ในภาพรวม เกษตรแปลงใหญ่ภาคตะวันออก 78 แปลง มีแหล่งน้ำแล้ว 35 แปลง ยังขาดแหล่งน้ำ 43 แปลง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เตรียมงบประมาณ 300.45 ล้านบาท ดำเนินการในปี 2560 – 2561เพื่อให้ เกษตรแปลงใหญ่ทุกแปลง จะมีความมั่นคงด้านน้ำ สามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน
“ผลการดำเนินการตามนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตรเกิดผลเป็นรูปธรรม เพิ่มผลผลิตในภาพรวม และ เป็นที่เชื่อมั่นของตลาดส่งออก โดย GDP ภาคการเกษตร ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากปี 2558 ขยายตัว -5.67% ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2560 ไตรมาสแรก ขยายตัว 7.74% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส หรือ ในรอบ 5 ปี ด้านการส่งออกภาคการเกษตรของไทยก็มีมูลค่าสูงขึ้น โดยในปี 2560 ช่วง 4 เดือนแรก มีมูลค่าการส่งออกสินค้าการเกษตร 433,782 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีสินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ ยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง เนื้อไก่ อาหารทะเล และ ผลไม้ โดยในระยะต่อไปจะขยายผลเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และ ยั่งยืน เพื่อยกระดับพี่น้องเกษตรกรให้มีรายได้มากขึ้น" รมว.เกษตรฯ กล่าว