พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ Over The Top เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือเสนอแนวทางกรอบการบริหาร OTT จากนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อสมท (MCOT) ในฐานะประธานสมาพันธ์วิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ที่ได้เสนอความเห็น 4 ข้อ คือ ควรให้ผู้ประกอบการ OTT สัญชาติต่างประเทศต้องจดทะเบียนและมีสถานที่ทำงานในประเทศไทย, ควรให้ผู้ประกอบการ OTT ต่างประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย,ให้สถานีโทรทัศน์ดิจิตอลทีวี ที่มีใบอนุญาต จากกสทช.ไม่ต้องนำรายได้ของ OTT มาผนวกกับรายได้ที่ต้องนำส่ง กสทช. รายปี, และให้เนื้อหา ที่ผลิตโดยสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลทีวี สามารถออกอากาศผ่านระบบ OTT ของสถานีหรือ OTT ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาอีก และให้สามารถกำหนดช่วงเวลาการออกอากาศบน OTT ได้ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ การออกกฎหมายข้อบังคับเกี่ยวกับ OTT ในขั้นตอนสุดท้ายขอให้กสทช.ประชุมหารือร่วมกับสมาพันธ์ฯ ก่อนกำหนดออกมาเป็นประกาศ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุน OTT ของผู้ประกอบการไทยให้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
"เบื้องต้นกสทช.เห็นด้วยกับข้อเสนอของสมาพันธ์ฯ โดยทางคณะอนุกรรมการฯ และกสทช.จะนำข้อเสนอไปพิจารณา เพื่อให้เกิดแนวทางที่ประโยชน์กับสังคม"โดยพันเอกนที กล่าวว่า
ด้านนายเขมทัตต์ กล่าวว่า สมาพันธ์ฯขอบคุณกสทช.ที่รับฟังความเห็นของผู้ประกอบการ ในข้อเสนอนี้มาจากความกังวลเกี่ยวกับรายได้ที่เกิดจากกิจการ OTT เมื่อกสทช.ยืนยันว่าจะไม่มีการออกกฎเรียกเก็บรายได้ขึ้นมาอีก ทางผู้ประกอบการก็พร้อมจะให้บริการตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับความมั่นคงต้องพิจารณาถึงการนำเสนอเนื้อหาอย่างเหมาะสม กสทช.ยืนยันว่าจะไม่มีการออกกฎหมายใหม่มาดูแล OTT กิจการ OTT เป็นกิจการที่สถานีแต่ละช่องจะสามารถทำได้ โดยสามารถให้บริการเองหรือเปิดบริษัทลูกให้บริการได้ ส่วนนี้จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถหารายได้จากช่องทางใหม่เพื่อมาดูแลกิจการของแต่ละสถานี
"แนวทางดูแล OTT ของกสทช.น่าจะออกเป็นกรอบแนวทางในการให้บริการมากกว่าจะมาทำให้สถานีทีวีดิจิตอลมีอุปสรรคในการให้บริการ"