นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งเงินบาทได้แข็งค่าหลุดระดับ 34 บาท/ดอลลาร์ว่า การที่เงินบาทแข็งค่ามาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ กล่าวคือ ปัจจัยแรก มาจากปัจจัยภายนอก ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาในช่วงนี้ส่งผลให้ความมั่นใจต่อทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีบทบาทน้อยลง ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจที่ลดน้อยลงต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองเข้ามาผนวกด้วย
ส่วนปัจจัยที่สอง มาจากปัจจัยภายใน โดยจะเห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเริ่มมีแนวโน้มที่ชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันเป็นผลมาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทั้งจากรายได้การส่งออก และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีการเข้ามาเพิ่มทุนจากนักลงทุนต่างประเทศในสถาบันการเงินบางแห่งด้วย
"ตัวเลขเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นชัดเจน การส่งออกเริ่มดีขึ้น การท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวสูง ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้มีเงินตราต่างประเทศเข้ามามากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สอดคล้องกับเวลาที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น เราจะเห็น flow ของเงินตราต่างประเทศที่เข้ามามากขึ้น" นายวิรไท กล่าว
สำหรับมาตรการที่ ธปท.ทยอยลดปริมาณการออกพันธบัตรระยะสั้นลง เพื่อต้องการลดการนำเงินเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้นจากนักลงทุนนั้น นายวิรไท กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวถือว่าได้ผลในระดับหนึ่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในพันธบัตรระยะยาวมากขึ้น และต้องรับความเสี่ยงสูงขึ้น นักลงทุนที่ต้องการจะนำเงินมาพักไว้ในตราสารระยะสั้นก็เริ่มลดลง
"ปริมาณการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศที่เข้ามายังพันธบัตรของไทย ก็ไม่ได้ต่างไปจากประเทศอื่น นักลงทุนเห็นการฟื้นตัวของประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่มากขึ้น เงินที่เข้ามาก็เป็นเงินในลักษณะที่ยาวขึ้น" ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว
ส่วนการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่จะทราบผลในเร็วๆ นี้นั้น นายวิรไท กล่าวว่า ส่วนใหญ่ตลาดเชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้ ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีผลกระทบหรือมีความผันผวนอย่างใดต่อกรณีของเงินทุนเคลื่อนย้าย
"ตอนนี้ตลาดกำลังรอดูผล flow จึงยังนิ่งๆ แต่ส่วนใหญ่ตลาด price in ไปแล้วว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในรอบนี้...การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในช่วง 2-3 ครั้งหลังนี้ จะเห็นชัดว่าเฟดให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับตลาด จะไม่สร้างความประหลาดใจให้ตลาด เพราะเขาไม่ต้องการให้ตลาดเกิดความผันผวน" นายวิรไท กล่าว
ด้านนางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ในฐานะโฆษกธปท. กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ ถือว่ายังสอดคล้องกับทิศทางของค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเงินบาทของไทยปรับแข็งค่าขึ้นเป็นอันดับที่ 5 รองจากสกุลเงินของเกาหลีที่แข็งค่าขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า, สกุลเงินของไต้หวันแข็งค่าขึ้น 0.16%, สกุลเงินของอินเดียแข็งค่าขึ้น 0.13%, สกุลเงินของฟิลิปปินส์แข็งค่าขึ้น 0.12% และสกุลเงินของไทยแข็งค่าขึ้น 0.09%