นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มอบนโยบายให้แก่คณะผู้บริหารของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ว่า ในส่วนของ ปณท ต้องใช้ศักยภาพจากเครือข่ายสาขาที่ทำการกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 5,000 แห่ง มีเครือข่ายคนไปรษณีย์ทั่วประเทศกว่า 30,000 คน มีเครือข่ายเส้นทางการขนส่งไปรษณีย์มากกว่า 400 เส้นทาง ร่วมกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตามโครงการเน็ตประชารัฐจำนวน 24,700 หมู่บ้าน ใช้ประโยชน์จากช่องทางการจำหน่ายสินค้า ไม่ว่าจะเป็น การจำหน่ายหน้าร้าน ณ ที่ทำการไปรษณีย์, จำหน่ายผ่านแคตตาล็อก หรือจำหน่ายผ่านระบบซื้อขายสินค้าออนไลน์
"ระบบพร้อมโพสต์ที่ไปรษณีย์ไทยจะพัฒนาระบบบริหาร ณ จุดขาย (POS:Point of Sale) ขึ้นเพื่อให้เป็นเครื่องมือช่วยประชาชน ชุมชน ศูนย์ดิจิทัลชุมชน และร้านโชห่วย ใช้ในการบริหารจัดการการขายสินค้าในอนาคต เมื่อชุมชนหรือหมู่บ้านมีศักยภาพในการผลิตสินค้า การค้าขายที่แข็งแกร่งขึ้นยังสามารถพัฒนาการทำธุรกิจไปยังช่องทางอื่นๆ ของเอกชนได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย" นายพิเชฐ กล่าว
พล.อ. สาธิต พิธรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า แผนงานไปรษณีย์ไทย 4.0 จะต้องปรับปรุงระบบงานไปรษณีย์ รวมไปถึงการนำระบบไอทีมาใช้ในการให้บริการครบวงจร มุ่งเน้นความสะดวกสบายของลูกค้าและสามารถกำหนดความต้องการในการใช้บริการได้ พร้อมพัฒนาและปรับปรุงการบริการหน้าเคาน์เตอร์ให้ได้มาตรฐาน นำเครื่องคัดแยกอัตโนมัติมาใช้งานใน ศูนย์ไปรษณีย์ทั่วประเทศ ส่งเสริมให้มีการใช้กล่องที่มีมาตรฐานเพื่อป้องกันการเสียหายในขั้นตอนการคัดแยก
นอกจากนี้ ต้องมีแผนการปรับปรุงที่ทำการไปรษณีย์ให้มีความทันสมัยทั้งภายในและภายนอกอาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ และเลือกสถานที่ตั้งให้สอดคล้องกับการประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล
สำหรับความคืบหน้าโครงการ e-Commerce ชุมชนนั้น ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่างๆ พร้อมทั้งให้ที่ทำการไปรษณีย์ในแต่ละจังหวัดทำหน้าที่ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆ ภายในจังหวัด รวมไปถึงสถาบันทางวิชาการต่างๆ เพื่อนำไปสู่การดำเนินงานที่ได้มาตรฐาน และนำจุดแข็งด้านการขนส่งและระบบไอทีเข้ามาช่วยในการทำงานและไปรษณีย์ไทยจะเป็นช่องทางการขนส่งและกระจายสินค้าให้พี่น้องเกษตรกรไทยด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเชื่อมโยงระบบพร้อมโพสต์ และเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com รวมไปถึงเครื่อง POS เพื่อเป็นช่องทางการให้บริการผ่านระบบของ ปณท เดียวกันทั้งหมดภายในสิ้นปี 2560 ตลอดจนใช้ประโยชน์จากโครงการเน็ตประชารัฐ และสนับสนุนให้ที่ทำการไปรษณีย์ และไปรษณีย์อนุญาตเอกชน เป็นแหล่งศูนย์กลางของชุมชนในการหาข้อมูลความรู้ พักผ่อน หย่อนใจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น