สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ชี้แจงกรณีกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้ย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือ สถานีขนส่งหมอชิต 2 กลับมายังหมอชิตเก่า ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งมีหลายฝ่ายออกมาให้ความเห็นว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ทั้งเรื่องปัญหาการจราจรที่ติดขัด ตลอดจนความไม่แน่นอนและความชัดเจนในนโยบายด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินและการวางแผนระบบคมนาคมขนส่ง
ประเด็นที่ 1 : ความคุ้มค่าในการลงทุนศึกษาและพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งการศึกษาและพัฒนาสถานีขนส่งต้องใช้งบประมาณและเวลาในการศึกษาค่อนข้างสูง หากนโยบายไม่ชัดเจนจะยิ่งทำให้ใช้งบประมาณต้องปรับใหม่ทั้งหมด สนข.ระบุว่า กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการและวางแผนการพัฒนาพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้มีจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมากรมธนารักษ์ ได้ดำเนินการศึกษารูปแบบและการลงทุนโครงการพัฒนาพื้นที่หมอชิตเดิมเรียบร้อยแล้ว โดยผลการศึกษากำหนดให้มีข้อตกลงในการออกแบบและจัดพื้นที่ภายในอาคารที่จะก่อสร้างใหม่ สำหรับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 110,000 ตารางเมตร เพื่อใช้เป็นสถานีรถโดยสารประจำทางระหว่าง กทม. กับจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนพื้นที่ศูนย์พหลโยธินฯ สนข. ได้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ภายในบริเวณศูนย์พหลโยธินฯ อย่างชัดเจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้ประกอบการวางแผนดำเนินงานด้วยแล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมอีก
ประเด็นที่ 2 : ความสอดคล้องในการวางแผนแม่บทการขนส่งและแผนการพัฒนาเมือง ควรพิจารณาถึงตำแหน่ง ทำเลที่ตั้ง ที่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางรถโดยสาร และสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงต้องสอดรับกับการวางผังเมืองกรุงเทพมหานคร
สนข. ขอชี้แจงว่า กระทรวงคมนาคมได้วางแผนพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายของประชาชนในการเชื่อมต่อการเดินทางในแต่ละรูปแบบการขนส่ง สอดคล้องกับแผนการพัฒนาเมือง และความต้องการในการเดินทางของประชาชน เช่น พื้นที่โครงการหมอชิตเดิม กรมธนารักษ์ได้วางแผนให้มีระบบเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเดินทางเชื่อมต่อการเดินทางด้วยแล้ว
ประเด็นที่ 3 : การรองรับปริมาณผู้โดยสารทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ในแง่ของทำเลที่ตั้ง และขนาดของพื้นที่ ไม่ควรปรับเปลี่ยนบ่อยครั้ง ซึ่งจะสร้างความสับสนต่อผู้โดยสาร นักลงทุนและหน่วยราชการอื่นๆ ในการเตรียมแผนรองรับ สนข. ขอชี้แจงว่า การกำหนดที่ตั้งของสถานีทั้งสถานีขนส่งผู้โดยสาร สถานีรถไฟและสถานีรถไฟฟ้า โดยหลักการต้องคำนึงถึงความสะดวกและประชาชนสามารถเข้าถึงบริการระบบขนส่งได้อย่างสะดวก เนื่องจากเป็นการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ รวมทั้งคำนึงถึงขนาดของพื้นที่ที่ให้บริการและพื้นที่ใช้งานอย่างเหมาะสม และวางแผนสำหรับรองรับปริมาณความต้องการในอนาคตด้วย
ประเด็นที่ 4 : ควรคำนึงถึงความชัดเจนและความสอดคล้องในการวางแผนโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุขนาดใหญ่ของกรมธนารักษ์ด้วย โดยนโยบายของกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม ควรมีความชัดเจนและสอดคล้องกัน และควรมีการเตรียมสาธารณูปโภครองรับ โดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยบริหารจัดการ
สนข. ขอชี้แจงว่า กรมธนารักษ์มีการพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ใน กทม. ไม่มาก ที่ผ่านมาได้แก่ ศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งไดัมีแผนแม่บทระบบรถไฟฟ้า 10 สาย ที่สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่เมือง ทั้งนี้ จะเริ่มมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูบนถนนแจ้งวัฒนะผ่านศูนย์ราชการดังกล่าวในปีนี้ อย่างไรก็ตามการพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุขนาดใหญ่ในอนาคตจะมีการบูรณาการและประสานระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่ง การบริหารจัดการอย่างใกล้ชิดกับหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่ด้วย