น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ร่วมกับคณะกรรมการ สรท.ได้เข้าพบกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งทาง สรท.ยืนยันว่าสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าในปัจจุบันส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกของไทยตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป โดยเฉพาะการกำหนดราคาขายสินค้ากับคู่ค้าที่เศรษฐกิจประสบภาวะเงินเฟ้อและค่าเงินอ่อนค่า เพราะจะทำให้สินค้าไทยแพงขึ้นอย่างมากในสายตาของผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งสำคัญทางการค้า เช่น จีน เวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ซึ่งค่าเงินแข็งค่าน้อยกว่าค่าเงินบาทของไทย เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงฟิลิปปินส์ที่ค่าเงินอ่อนค่า เป็นต้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการ สรท. เสนอให้ ธปท.ดำเนินการอย่างสม่ำเสมอในการรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนให้ไม่สูงกว่าประเทศคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญ การให้ข้อมูลและทิศทางของค่าเงินบาท รวมถึงสาเหตุของการแข็งค่าและอ่อนค่าในแต่ละครั้งว่าเกิดจากเหตุใด เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคการส่งออกเข้าใจและสามารถใช้เป็นแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนเสนอให้ ธปท.พิจารณาแนวทางสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ของไทย สามารถเข้าถึงบริการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้มากขึ้นและมีต้นทุนที่ไม่สูงเกินไป การลดค่าธรรมเนียม การเพิ่มวงเงินสำหรับการใช้บริการป้องกันความเสี่ยง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกมีการใช้บริการป้องกันความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องมากขึ้น
น.ส.กัณญภัค กล่าวว่า คณะกรรมการ สรท.ได้รับฟังคำชี้แจงแนวทางการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนของ ธปท. ในปัจจุบัน ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องในอนาคต ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากความเข้มแข็งทาง เศรษฐกิจของประเทศไทยเอง และมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้หลายประการ โดยเฉพาะการเมืองระหว่างประเทศ และการเข้ามาลงทุนในตลาดทุนและตลาดการเงินระยะสั้น ซึ่งทำให้เกิดการแข็งค่าอย่างรวดเร็วและรุนแรง
"ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างทั้งสององค์กร ทั้งการจัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและวิเคราะห์ สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศร่วมกัน เพื่อหาข้อสรุปและทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับแจ้งให้กับผู้ส่งออกได้รับทราบสถานการณ์ที่แท้จริงและรับมือได้ทัน การร่วมมือกันส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการส่งออก การผลักดันการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันให้มีการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการซื้อขายสินค้ากับประเทศคู่ค้าที่มีความตกลงกันในเรื่องดังกล่าวให้มากขึ้น โดยเฉพาะการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน" ประธาน สรท.กล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการ สรท.ได้หารือกับคณะผู้บริหาร ธปท.ถึงประเด็นด้านการเงินอื่นที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ เช่น ความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายและดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญของผู้ประกอบการ โดยมีความเห็นร่วมกันว่าในส่วนของธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้ดีขึ้นเพื่อลดต้นทุน ตลอดจนหันมาให้ความสำคัญกับ FINTECH ให้มากขึ้น เพื่อให้มีความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ และทำให้ต้นทุนในการทำธุรกรรมแต่ละครั้งลดต่ำลง