นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่าในเดือนพ.ค.60 การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 90,092 คัน ลดลง 9.5% จาก พ.ค.59 โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ในทุกตลาด คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 48,014.47 ล้านบาท ลดลง 12.69% จากพ.ค.59
ขณะที่ยอดรวมในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค.60 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 443,320 คัน ลดลง 9.12% จากช่วงเดียวกันของปี 59 คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 233,899.69 ล้านบาท ลดลง 10.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือน พ.ค.60 มีทั้งสิ้น 169,495 คัน โดยเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 82,348 คัน เพิ่มขึ้น 17.32% ส่วนการผลิตเพื่อส่งออก 87,147 คัน ลดลง 11.26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยในช่วงม.ค.-พ.ค.60 จำนวนการผลิตอยู่ที่ 775,523 คัน ลดลง 4.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตเพื่อการส่งออกลดลง 10.66%
ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพ.ค.60 มีจำนวนทั้งสิ้น 66,422 คัน เพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว จากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการแนะนำรถยนต์ SUV รุ่นใหม่ และเพิ่มขึ้น 5% จากเดือนเม.ย.60 เนื่องจากเดือนพ.ค.มีวันทำงานมากกว่า
ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนม.ค.-พ.ค.60 มียอดขาย 340,179 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังประกาศปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฮบริดว่า น่าจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะการเพิ่มยอดขายในประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมารถไฮบริดมีราคาแพง ทำให้ยังไม่เกิดแรงจูงใจผู้บริโภคให้เลือกซื้อ
"เป็นแนวทางที่เหมาะสมแล้ว เพราะรถไฮบริดไม่ต้องพึ่งพา Infrastructure ในเรื่องการตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าหรือสถานีเติมเชื้อเพลิง เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าหรือใช้ไฮโดรเจน อีกทั้งที่ผ่านมารถไฮบริดมีราคาแพง ทำให้มียอดขายน้อย" นายศุภรัตน์ กล่าว