ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดขรก.สรรพากร-เอกชน ร่วมขบวนการโกง VAT กว่าพันล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 22, 2017 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช.แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลกรณีโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) มูลค่ากว่าพันล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วย นายพายุ สุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1, นายป้อมเพชร วิทยารักษ์, นางศศิพิมพ์ บรรดาเสียง, น.ส.อารีย์วรรณ เกาสุวรรณ์ เจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 และบุคคลที่มิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วย นายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์, นายวีรยุทธ แซ่หลก, น.ส.สายธาร แซ่หลก, นายกิตติศักดิ์ อัญญโชติ, นายประสิทธิ อัญญโชติ กรณีร่วมกันทุจริตในการคืนแวตเป็นเท็จจำนวน 1,113,034,083 บาท

ทั้งนี้ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า กลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ และบุคคลที่มิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้มีการแบ่งงานกันทำเป็นขบวนการ โดยร่วมกันจัดหาราษฎรเพื่อไปขอจัดตั้งบริษัทส่งออกแต่ไม่มีการประกอบการจริง และดำเนินการออกใบกำกับภาษีเท็จ ทั้งที่ไม่มีการส่งออกสินค้าจริง แล้วนำหลักฐานใบกำกับภาษีปลอมไปยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกับเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ที่ถูกกล่าวหาข้างต้น โดยในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น เจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ดังกล่าวไม่ดำเนินการตรวจสอบตามระเบียบหลักเกณฑ์วิธีการที่กรมสรรพกรกำหนด เป็นเหตุให้มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบ จำนวน 1,113,034,083 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วจึงมีมติว่า นายพายุ สุขสดเขียว, นายป้อมเพชร วิทยารักษ์, นางศศิพิมพ์ บรรดาเสียง และ น.ส.อารีย์วรรณ เกาสุวรรณ์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย และอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป

ส่วนนายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์, นายวีรยุทธ แซ่หลก, น.ส.สายธาร แซ่หลก, นายกิตติศักดิ์ อัญญโชติ และนายประสิทธิ อัญญโชติ มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป

นอกจากนี้ จากการไต่สวนยังพบว่ามีบุคคลที่ได้รับเงินภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบรวม 23 ราย แต่ไม่พบว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าบุคคลทั้ง 23 ราย และนายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ ได้รับเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งอาจมีมูลความผิดฐานฟอกเงิน จึงมีมติให้ส่งไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อดำเนินคดีฐานฟอกเงิน รวมทั้งถือได้ว่าบุคคลดังกล่าว เป็นผู้มีเงินได้ จึงให้ส่งกรมสรรพกรเพื่อเรียกเก็บภาษีเงินได้ เงินเพิ่ม และเบี้ยปรับด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ