พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนจากต่างประเทศหลายรายให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ และยานยนต์ไฟฟ้า โดยทุกประเทศเห็นว่าพื้นที่อีอีซีของไทยจะเป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้
“การลงทุนจริงจะเกิดขึ้นในปีหน้า เช่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา สร้างศูนย์ซ่อมอากาศยาน ที่ บ.การบินไทย ได้ลงนามความร่วมมือกับ บ.แอร์บัส โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-ระยอง โครงการท่าเรือมาบตาพุดแหลมฉบัง โครงการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลในอีอีซี (Digital Park) และการตั้งฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV หุ่นยนต์ และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ของนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะมีเงินลงทุนในอีอีซีไม่ต่ำกว่า 500,000 ลบ.ภายใน 5 ปี"
ล่าสุดกรมธนารักษ์ได้เตรียมมอบพื้นที่ราชพัสดุ 3,000 – 4,000 ไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเป็นเมืองใหม่สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยรองรับประชาชนที่จะไปทำงานในอีอีซี รวมกับของเดิมที่ได้สนับสนุนพื้นที่ 759 ไร่ ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อจัดตั้ง Digital Park Thailand และพื้นที่อีกกว่า 6,500 ไร่ เพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา