นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อซักซ้อมแนวทางการบริหารงานเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน ร่วมกับนายประดิษฐ์ ยมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้แทนสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ผู้แทนธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบประจำจังหวัด และคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด จาก 4 จังหวัด ได้แก่ นครนายก, ปราจีนบุรี, สระบุรี และสระแก้ว
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำและขอความร่วมมือจากหน่วยงานในพื้นที่ให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของรัฐบาล โดยดำเนินการให้ครอบคลุม 5 มิติ ได้แก่
1. ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ดำเนินการติดตามจับกุมเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจังต่อเนื่อง และประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เจ้าหนี้นอกระบบปรับตัวเข้าสู่การเป็นผู้ให้สินเชื่อในระบบต่อไป
2. เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ขอให้เร่งรัดประชาสัมพันธ์แหล่งสินเชื่อในระบบที่สำคัญ ได้แก่ (1) สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) โดยนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง สามารถให้สินเชื่อกับประชาชนในจังหวัดที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในวงเงินไม่เกินรายละ 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย รวมค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใดๆ ไม่เกิน 36% ต่อปี (Effective Rate) และ (2) สินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ซึ่งออกแบบสำหรับช่วยเหลือประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน ในวงเงินไม่เกินรายละ 50,000 บาท โดยสินเชื่อดังกล่าวเป็นสินเชื่อที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนที่สามารถช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้
3. ลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ ขอให้สร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับกลไกที่คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยและประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัด ซึ่งมีอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดเป็นประธานอนุกรรมการ จะทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนในการเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้นอกระบบเพื่อลดมูลหนี้ที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยหรือเงื่อนไขที่เอารัดเอาเปรียบ โดยยึดหลักของความเป็นธรรมในการเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทั้งฝ่ายลูกหนี้และเจ้าหนี้พึงพอใจ
4. เพิ่มศักยภาพของลูกหนี้นอกระบบ ขอความร่วมมือให้คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบประจำจังหวัด ซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ขับเคลื่อนการทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ด้านการเพิ่มรายได้ของตัวเอง การให้ความรู้ทางการเงิน รวมถึงการพิจารณาการให้สวัสดิการแก่ประชาชนที่มีปัญหาหนี้นอกระบบที่อาจไม่มีศักยภาพในการพึ่งพาตัวเองได้
5. สนับสนุนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรการเงินชุมชนที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างจัดทำฐานข้อมูลหนี้นอกระบบ ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายองค์กรการเงินชุมชนเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และเผยแพร่ความรู้และทักษะทางการเงินแก่ประชาชน
โดยในการประชุมดังกล่าว ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้นำเสนอข้อมูลโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 โดยพบว่ามีประชาชนในจังหวัดนครนายกที่ระบุว่ามีปัญหาหนี้นอกระบบประมาณ 4,000 ราย ในการนี้ ปลัดกระทรวงการคลังและผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก จึงเห็นควรที่จะนำลูกหนี้นอกระบบทั้ง 4,000 รายดังกล่าว มาเป็นกลุ่มเป้าหมายของการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เป็นศูนย์ ภายใต้โครงการ "นครนายกโมเดล" จึงขอให้ทุกหน่วยงานภาคีทั้งในส่วนของคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัด คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบประจำจังหวัด ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.ในพื้นที่ให้ความร่วมมือและพร้อมดำเนินการเชิงรุกอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ยังพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกให้เจ้าหนี้นอกระบบและผู้ที่สนใจเข้ามาขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ โดยกำหนดเป้าหมายให้จังหวัดนครนายกมีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เปิดดำเนินการในทุกอำเภอ ซึ่งนอกจากจะเป็นทางเลือกการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบแก่ประชาชนแล้ว ยังคาดหวังจะให้เกิดการแข่งขันเพื่อให้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมสามารถลดต่ำกว่า 36% ต่อปีด้วย
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งเริ่มให้บริการแก่ประชาชนแล้ว 25 ราย ใน 23 จังหวัด