พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 ครั้งที่ผ่านมานั้น ในส่วนของหน่วยงานราชการ ที่ยังคงเหลือโควตาอยู่ 47.48 เมกะวัตต์ (MW) นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะเปิดรับซื้อในระยะต่อไป และอาจนำโควตาดังกล่าวไปรวมกับโควตากลางก่อน ส่วนจะเอาโควตาดังกล่าวไปทำอะไรนั้นก็ต้องไปหารือกับที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต่อไป
ทั้งนี้ การคัดเลือกเจ้าของโครงการโซลาร์ฟาร์ม สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 มีผู้ผ่านการคัดเลือกที่มีสิทธิยื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าอย่างไม่เป็นทางการทั้งสิ้นจำนวน 38 ราย หรือคิดเป็นปริมาณการเสนอขายไฟฟ้าที่รวมทุกพื้น รวม 171.52 เมกะวัตต์ จากเป้าหมายรวมไม่เกิน 219 เมกะวัตต์ โดยในส่วนนี้เป็นหน่วยงานราชการ 11 ราย คิดเป็นปริมาณเสนอขายไฟฟ้า รวม 52.52 เมกะวัตต์ ต่ำกว่าโควตาที่ได้รับ 100 เมกะวัตต์ และโครงการจากสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 27 ราย คิดเป็นปริมาณเสนอขายไฟฟ้า รวม 119.00 เมกะวัตต์ ซึ่งเท่ากับโควตาที่ได้รับ 119 เมกะวัตต์
ส่วนการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนแบบผสมผสาน (Hybrid) แบบสัญญาผลิตไฟฟ้าเสถียร (Firm) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) หรือ SPP Hybrid Firm จำนวน 300 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเปิดรับซื้อไฟฟ้าได้ภายในปลายปีนี้
สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ในกลุ่มบริษัทกัลฟ์ฯ ที่มีขนาดกำลังการผลิต 5,000 เมกะวัตต์ (MW) นั้น ก็ยังคงเดินหน้าไปตามกติกา เนื่องจากมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)