นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ร่วมกับสมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ ลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ รวมถึงการกระชับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตามแนวทางประชารัฐได้อย่างชัดเจน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบเพื่อสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างทั่วถึง
จากความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นการก้าวสู่แนวทาง “Get Together We Bring Home for All" เพื่อทำให้คนไทยมีบ้าน ซึ่งทั้ง ธอส.และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายกับผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของธนาคารเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน" ล่าสุดธนาคารได้ร่วมกับ 15 สมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง, สมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น, สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต, สมาคมอสังหาริมทรัพย์สงขลา, สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี, สมาคมอสังหาริมทรัพย์นครราชสีมา, สมาคมอสังหาริมทรัพย์พิษณุโลก, สมาคมอสังหาริมทรัพย์นนทบุรี, สมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่, สมาคมอสังหาริมทรัพย์อุดรธานี, ผู้แทนจังหวัดสระบุรี, ผู้แทนจังหวัดมุกดาหาร, ผู้แทนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้แทนจังหวัดสระบุรี จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยมีกรอบสาระสำคัญคือ
1.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยมาเข้าโครงการพิเศษของ ธอส. อาทิ โครงการประเภท Fast Track / Smart Fast Track / Regional Fast Track และ LTF ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการประเมินราคา เนื่องจากธนาคารกำหนดราคารับเป็นหลักประกันของที่อยู่อาศัยในโครงการล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อได้เช่นกัน
2.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งลูกค้าภายใต้โครงการประเภท Fast Track / Smart Fast Track / Regional Fast Track และ LTF ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงให้แก่ธนาคาร เพื่อพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น (Pre Approve) และยื่นกู้จริงไม่น้อยกว่า 70% ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดในแต่ละโครงการ
3.ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ทำการ Pre Approve ก่อนที่โครงการจะตัดสินใจขายให้แก่ลูกค้า 4.ธนาคารจะจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้แก่ลูกค้าในโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยด้วยเงื่อนไขพิเศษตามที่ธนาคารกำหนด และ 5.ธนาคารจะอำนวยความสะดวกให้บริการลูกค้านอกสถานที่ ตามที่ธนาคารและสมาชิกของสมาคมได้ตกลงกัน
ทั้งนี้ ภายใน MOU โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยฉบับนี้ ครอบคลุมถึงบรรดาผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กว่า 200 โครงการ โดยมีมูลค่าของโครงการรวมกันกว่า 30,000 ล้านบาท และเตรียมขยายความร่วมมือไปยังสมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการกับ ธอส. ในอนาคตต่อไป
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง ธอส. และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้ จะทำให้คนไทยมีบ้านได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่ง ธอส.พร้อมที่จะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าโครงการทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย วงเงินกู้ ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อ รวมถึงการบริการนอกสถานที่ เป็นต้น โดยมั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยทำให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2560 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 178,224 ล้านบาท และยังถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อีกทาง