นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในประกาศ (Proclamation) ผลการพิจารณาทบทวนโครงการสิทธิพิเศษฯ ประจำปี 2559 ซึ่งในประกาศดังกล่าว สหรัฐฯ ได้เพิ่มเติมรายการสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษฯ แก่ประเทศสมาชิกทั่วไปรวมถึงประเทศไทย
สำหรับสินค้า 2 ประเภท คือ สินค้าเครื่องใช้ในการเดินทาง พิกัดศุลกากรย่อยประมาณ 23 รายการ ได้แก่ กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเอกสาร และกระเป๋าถือ เป็นต้น และสินค้า เซลลูโลสไนเทรต พิกัดศุลกากร 3912.20.00 จำนวน 1 รายการ โดยเหตุผลสำคัญของการเพิ่มเติมรายการสินค้าในโครงการสิทธิพิเศษฯ เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการเพิ่มแหล่งในการนำเข้าสินค้าที่หลากหลายจากกลุ่มประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษฯ อาทิ ประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเครื่องใช้ในการเดินทาง และอีกประการหนึ่ง คือ สหรัฐฯ ต้องการปรับสมดุลทางการค้ากับกลุ่มประเทศอื่นที่ไม่ได้รับสิทธิพิเศษฯ
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้พยายามผลักดันผ่านช่องทางการประชุมภายใต้ความร่วมมือต่างๆ ซึ่งเมื่อครั้งการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย–สหรัฐ ระดับรัฐมนตรี (Trade and Investment Framework Agreement: TIFA) ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 20 – 22 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้หยิบยกประเด็นขอให้สหรัฐฯ พิจารณาให้สิทธิพิเศษฯ เพิ่มเติมสำหรับสินค้าเครื่องใช้ในการเดินทางซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการผลิต และสามารถขยายการส่งออกไปสหรัฐฯ ได้
อีกทั้งยังได้มีโอกาสหารือกับสภาหอการค้าสหรัฐฯ และกลุ่มนักธุรกิจผู้นำเข้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการผลิตเครื่องใช้ในการเดินทางแบรนด์ดังของสหรัฐฯ เช่น Coach และ Tumi ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนให้ไทยขอรับสิทธิพิเศษฯ เพิ่มเติม ดังนั้น จากการที่สหรัฐฯ ให้สิทธิพิเศษฯ สินค้าเครื่องใช้ในการเดินทางจะเป็นปัจจัยดึงดูดและโอกาสสำคัญในการเพิ่ม ลู่ทางขยายการลงทุนจากสหรัฐฯ ในไทย รวมทั้งเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันให้กับสินค้าไทยที่จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้ารายการนี้ของไทยในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นได้
ทั้งนี้ สินค้าเครื่องใช้ในการเดินทางที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับสิทธิพิเศษฯ ปัจจุบันมีอัตราอากรนำเข้าถึง ร้อยละ 4.5 - 20 หากขอใช้สิทธิพิเศษฯ จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า และในปี 2559 สหรัฐฯ มีการนำเข้าจากทั่วโลกประมาณ 6,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยนำเข้าจากไทยเพียง 46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ประมาณร้อยละ 0.67 (จีนมีส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 65 และเวียดนามมีส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 30) ในขณะที่สินค้าเซลลูโลสไนเทรต ปี 2559 สหรัฐฯ มีการนำเข้าสินค้าจากไทย ประมาณ 13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากมูลค่านำเข้ารวมจากทั่วโลกประมาณ 380 ล้านเหรียญสหรัฐฯ