นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ดำเนินโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร วงเงินงบประมาณ 5 ปี (61-65) รวมทั้งสิ้น 2,873 ล้านบาท (ปีงบประมาณ 61 จำนวน 85 ล้านบาท)
โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่เชื่อมโยงกับโครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่หลักเกณฑ์ใหม่) และโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 60 ที่เน้นการส่งเสริมในด้านการผลิตและโครงการที่เสนอในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการเชื่อมโยงตลาดระหว่างกลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวอินทรีย์และข้าว GAP กับผู้ประกอบการค้าข้าว เพื่อให้กลุ่มชาวนาทั้ง 2 ประเภทสามารถขายข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ได้ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด
สำหรับโครงการส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ เรื่องสำคัญคือสนับสนุนให้เกษตรรวมกลุ่มทำการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐานข้าวแบบ GAP ส่วนโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ มีเป้าหมายผลิตข้าวอินทรีย์ทั้งหมด 3 แสนไร่ในปี 60 แต่ว่าที่ผ่านมาข้าวที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน GAP หรือข้าวอินทรีย์ราคายังไม่ได้เป็นแรงจูงใจเกษตรกรให้หันมาปลูกข้าว 2 ชนิดนี้ ดังนั้น มาตรการที่เสนอ ครม.ในวันนี้เพื่อชี้นำราคาข้าว GAP และ ข้าวอินทรีย์ โดยที่มีพื้นที่ดำเนินการทั้งหมด 77 จังหวัด
วัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงตลาดรองรับผลผลิตข้าวอินทรีย์จากโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ด้วย 2 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่และให้ชาวนาสามารถขายข้าวซึ่งอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนเป็นข้าวอินทรีย์ได้ด้วย โดยเป้าหมายคือชาวนาขายข้าวเปลือกของโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรย์ในราคาที่ดีตามคุณภาพได้ไม่น้อยกว่า 594,000 ตันข้าวเปลือกตั้งแต่ปีการผลิต 60-64 และชาวนาขายข้าวเปลือกที่ได้รับการรับรอง GAP ได้ไม่น้อยกว่า 10.3 ล้านตันข้าวเปลือกในปี 60-64
วิธีการดำเนินการ กระทรวงเกษตรฯจะจับคู่กลุ่มชาวนากับผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการ และจัดให้มีการทำ MOU การซื้อขายข้าวจากโครงการ โดยที่ผู้ประกอบการสามารถขอรับการสนับสนุนสินเชื่อซอฟท์โลนหรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำโดยที่รัฐชดเชยดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 ต่อปี นอกจากนี้ธนาคารอาจจะสมทบชดเชยดอกเบี้ยให้ร้อยละ 1 ต่อปี โดยมีเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการรับซื้อข้าวจากชาวนาที่ร่วมในโครงการสูงกว่าราคาตลาด โดยแบ่งเป็นรับซื้อในราคาสูงกว่าราคาตลาดร้อยละ 4 ยกเว้นข้าวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานออแกร์นิคไทยแลนด์จะได้รับการซื้อสูงกว่าราคาตลาดร้อยละ 15 นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะจัดสรรโควต้าร้อยละ 10 ของโควต้าการส่งออกข้าวไปอียูหรือจำนวนปีละ 2 พันตันให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ รวมทั้งสนับสนุนค่าตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้รณรงค์ให้ประชาชนบริโภคข้าวอินทรีย์และข้าว GAP มากขึ้น
ทั้งหมดนี้คาดว่าจะใช้วงเงินงบประมาณ 5 ปี รวม 2,873 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ย 2,484 ล้านบาท และ ค่าบริหารจัดการ 389 ล้านบาท ซึ่งมติเหล่านี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) แล้ว