นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งปีนี้เศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้ในกรอบ 3.5-4% โดยปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าขยายตัวได้สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ การส่งออกสินค้าฟื้นตัวอย่างชัดเจนและมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่คาด โดย 5 เดือนแรกของปีนี้การส่งออกขยายตัวได้ถึง 7.2% ซึ่งเชื่อว่าทั้งปีการส่งออกจะขยับเข้าใกล้เป้าหมายที่ 5% ของกระทรวงพาณิชย์
"จากการสำรวจผู้ประกอบการในทุกภูมิภาค มองว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวจะดีขึ้นมาก ในขณะที่การลงทุนภาครัฐ เช่น งบลงสู่ท้องถิ่น โครงการรถไฟความเร็วสูง ตลอดจน EEC ก็จะเป็นตัวมาช่วยผลักดันเศรษฐกิจได้" ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าว
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจเพิ่มความไม่แน่นอนให้แก่เศรษฐกิจโลก การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศที่อาจส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยกู้มากขึ้น รวมทั้งผลกระทบจากการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว
นายกลินท์ กล่าวว่า สำหรับการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ที่หอการค้าไทยได้มีส่วนร่วมในการผลักดันเรื่องนี้กับภาครัฐมาอย่างต่อเนื่องนั้นมีความคืบหน้าเป็นลำดับ และส่งผลดีต่อภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ได้สนับสนุนแนวทางการให้บริการภาครัฐบางประเภท ภายใต้ Outsourcing Model เพื่อให้ภาคเอกชนที่มีมาตรฐานเข้ามาช่วยเป็นผู้ให้บริการและให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่กำกับดูแลและอนุมัติ
"หอการค้าไทยเห็นว่าสิ่งที่ภาครัฐดำเนินการเป็นสิ่งที่ดีต่อภาคธุรกิจ แต่จะดีกว่านี้ได้ต้องมีการ Benchmark กับต่างประเทศ รวมทั้งขยายการปรับปรุงกระบวนการขอใบอนุญาตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เช่น การจดทะเบียน Trademark, การขอ อ.ย., การขอใบอนญาตค้าปลีกค้าส่ง หรือสิทธิบัตรต่างๆ" นายกลินท์กล่าว
อย่างไรก็ดี มองว่าภาครัฐและเอกชนยังคงต้องร่วมมือกันแก้ไขอุปสรรคต่างๆ อีกหลายประการ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมามีปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องการอำนวยความสะดวกในเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง
โดยหอการค้าไทย เสนอให้มีการปรับปรุงเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติม เช่น การรายงานตัวของต่างด้าวทุก 90 วันที่กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบนั้น ควรทำให้สามารถรายงานตัวทาง Internet ให้มีความเสถียรมากขึ้น, ยกเลิกการกรอกเอกสารการเดินทางเข้าออกประเทศ หรือ ตม.6 สำหรับคนไทยในระยะแรก และเพิ่มช่องบริการพิเศษในการตรวจคนเข้าเมือง, การอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจและการทำงานของแรงงานที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน หรือ ตท.10 จะต้องแยกต่างชาติที่เข้ามาทำงานกับมาทำธุรกิจออกจากกัน โดยควรกำหนดกิจกรรมที่ไม่เข้าข่ายเป็นการทำงานตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 ให้ชัดเจน เช่น การเข้าร่วมประชุมสัมมนา งานนิทรรศการหรืองานแสดงสินค้า การเยี่ยมชมธุรกิจหรือพบปะเจรจาธุรกิจ การเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทของตน เป็นต้น