นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวปาฐกถา ภายในงาน Startup Thailand 2017 หัวข้อ From Startup Thailand to Scale up Asia : Partnership For Growth (จากสตาร์ทอัพไทยแลนด์ สู่ Platform ใหม่ของการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย : ร่วมคิด ร่วมสร้าง เพื่อการเติบโตไปด้วยกัน) ว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ยุค ที่จะต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงจำเป็นต้องมีนักรบเศรษฐกิจใหม่ ที่จะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อนำพาประเทศให้ก้าวพ้นจากเศรษฐกิจรายได้ปานกลาง ขณะเดียวกันนักรบเศรษฐกิจใหม่จำเป็นต้องมี SME และ Startup ที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้
ทั้งนี้ตลอด 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลส่งเสริมการพัฒนาสตาร์ทอัพอย่างจริงจัง จนเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยปัจจุบันมีสตาร์ทอัพที่อยู่ในช่วงพัฒนาแนวคิดก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ จำนวนกว่า 8,000 ราย จากปีก่อนมีอยู่ราว 5,000 ราย โดยคาดว่าจะเกิดสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพและเริ่มดำเนินธุรกิจจริงในปีนี้เพิ่มอีก 1,500 ราย จากปีก่อน 700 ราย
นอกจากนี้ในวันนี้ทุกภาคส่วน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และประชาคมสตาร์ทอัพได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) พัฒนากฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ โดยสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้สตาร์ทอัพมีการทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น ,การพัฒนาสตาร์ทอัพไปสู่ภูมิภาค จากการสร้างย่านนวัตกรรมให้ครบ 21 แห่ง โดยในเฟสแรก มีแผนสร้างย่านนวัตกรรมราว 11 แห่ง แบ่งเป็น 7 แห่งในกรุงเทพฯ และอีก 4 แห่ง ในภาคตะวันออก ,สร้างบุคลากรในมหาวิทยาลัย และวิทยาลัยอาชีวะ ให้เป็นแหล่งผู้ประกอบการสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ,สนับสนุนการเติบโตสตาร์ทอัพ โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้สนับสนุนเงินลงทุน ผ่านกองทุน TED FUND จำนวน 2,500 ล้านบาท ซึ่งเบื่องต้นได้รับเงินแล้วในจำนวน 772 ล้านบาท คาดว่าภายใน 2 เดือนจากนี้ จะดำเนินการตั้งคณะกรรมการ เพื่อเข้ามาดูแล และช่วยเหลือสตาร์ทอัพ รวมถึงยกระดับสตาร์ทอัพของไทย
สำหรับการแก้ไขกฎหมาย คาดว่าในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ภาครัฐจะเร่งแก้ไขกฎหมาย เพื่อเอื้อต่อการลงทุนสตาร์ทอัพ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการเงิน, การขนส่ง ทั้งในกฎหมายแพ่ง และกฎหมายพาณิชย์ เช่น การอนุญาตให้สตาร์ทอัพขายหุ้นให้พนักงาน การให้บริษัทจำกัดออกหุ้นกู้แปลงสภาพได้ รวมถึงการออก Visa ให้แก่ชาวต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจเพื่อร่วมงานกับคนไทย เป็นต้น
"วันนี้เราก็ได้มีการ MOU กัน ซึ่งจะเร่งดำเนินการในเชิงรุก ตั้งคณะทำงานในการแก้ไขกฎหมายในหลายๆด้าน ในประเด็นที่ยังเป็นอุปสรรคในการทำงาน เช่น การเงิน การขนส่งต่างๆ ทั้งกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คาดว่าจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จได้เร็วที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกต่อสตาร์ทอัพ เชื่อว่าหลังจากแก้ไขในทุกด้านแล้ว สตาร์ทอัพน่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด"นางอรรชกา กล่าว