นักวิชาการจากแวดวงเศรษฐศาสตร์และวิศวกรรม แสดงความเห็นถึงสาเหตุที่โครงการรถไฟความเร็วสูงได้กลายเป็นประเด็นขัดแย้งอยู่ในปัจจุบัน ในงานเสวนา "รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน : ประโยชน์ร่วม ที่ต้องเร่งผลักดัน" ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ในวันนี้ว่า เนื่องมาจากรัฐบาลไม่ชี้แจงความจริงให้สาธารณะชนเข้าใจอย่างชัดเจน พร้อมวอนประชาชนเปลี่ยนทัศนคติ ยันเทคโนโลยีจีนวันนี้ไม่แพ้ญี่ปุ่นแน่นอน
ดร.พิษณุ เหรียญมหาสาร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตทูตพาณิชย์ประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีนในวันนี้ เกิดขึ้นจากการที่คนไทยไม่เข้าใจประเทศจีนอย่างถ่องแท้ ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ทุกวันนี้เทคโนโลยีของจีนได้รับการพัฒนาไปไกลมากแล้ว
ดร.พิษณุระบุว่า คนไทยต้องเปิดใจมองให้กว้างๆ อย่ามองแค่ในเรื่องที่ไม่ควรถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น และคณะเจรจาของไทยเองก็ควรทำการบ้านในการพูดคุยกับแต่ละฝ่ายให้ดีกว่านี้
ขณะที่นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และอดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แสดงความเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นโครงการรถไฟความเร็วสูงตอนนี้ เพราะว่ารัฐบาลไม่ยอมออกมาอธิบายให้ชัดเจน
นายประภัสร์ระบุว่า รัฐบาลต้องใจกว้างและพูดความจริงกับประชาชนว่า สิ่งที่จะทำในวันนี้คืออะไร เพราะอะไร เราไม่ได้ทำเพื่อวันนี้ แต่ทำเพื่ออนาคต เพื่อเศรษฐกิจ และเพื่อลูกหลานของเรา หากรัฐบาลสามารถทำให้ประชาชนเข้าใจ และมั่นใจว่าสามารถทำแบบนั้นได้จริง กระแสคัดค้านก็จะไม่มีอีกต่อไป
ด้านดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้ช่วยรองอธิการบดีสายงานวิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มองว่า สิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ก็คือทัศนคติและความไม่เข้าใจของประชาชน อีกทั้งเรื่องความพร้อมทางเทคนิคก็เป็นอุปสรรคกีดขวางที่ทำให้ไทยอาจจะไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่
ดร.เกียรติ์อนันต์ กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงไม่มีความพร้อมในด้านกำลังพลที่จะมาสานต่อเทคโนโลยีด้านนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาเราไม่ได้มีการวางแผนกันมาอย่างชัดเจน หากรัฐเปิดเผยข้อมูลให้ภาคต่างๆเตรียมพร้อมกันได้นานกว่านี้ ในวันนี้เราคงมีบุคลากรที่ร่วมกันพัฒนาและเปิดรับเทคโนโลยีจากจีนได้เต็มที่อย่างแน่นอน