ไทย-ฮ่องกง เดินหน้าเชื่อมโยงนโยบาย One-Belt One-Road กระชับสัมพันธ์ศก.ในภูมิภาคเอเชีย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 12, 2017 13:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุม Hong Kong Summit : Regional Co-operation between Hong Kong and East Asia (Hong Kong Summit) ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง จัดโดยสภาหอการค้าจีน (Chinese General Chamber of Commerce : CGCC) ของฮ่องกงนับว่ามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นงานประชุมใหญ่หลังการเยือนฮ่องกงของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ในโอกาสการเฉลิมฉลอง 20 ปี การกลับคืนสู่จีนของฮ่องกง และเป็นสักขีพยานในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ของนางแครี แลม เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา

โดยนางแครี แลม ผู้นำคนใหม่ของฮ่องกงได้กล่าวปาฐกถา เน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน และความสำคัญของอาเซียนในฐานะคู่ค้าอันดับสองของฮ่องกง (รองจากจีน) โดยเลือกที่จะเยือนประเทศต่างๆ ในอาเซียนเป็นกลุ่มแรก

พร้อมเห็นว่าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง ซึ่งตั้งเป้าให้มีการลงนามในปีนี้ ความตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนกับฮ่องกง ตลอดจนโครงการ Great Bay Area (กวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า) จะยิ่งส่งเสริมบทบาทนำของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาค และเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับนโยบาย One-Belt One-Road (OBOR) ของจีนอย่างเป็นรูปธรรม

นางอภิรดี กล่าวว่า การเข้าร่วม Hong Kong Summit ครั้งนี้ ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ "การค้าเสรีและความร่วมมือในภูมิภาค" เพื่อสร้างพลวัตใหม่ในการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย โดยได้แสดงวิสัยทัศน์บนเวทีใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1) ความสำคัญของความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ต่อการรวมกลุ่มในภูมิภาค

2) บทบาทนำของไทยและฮ่องกงในการเป็นประตูทางการค้าและการลงทุน ซึ่งสนับสนุนการเชื่อมโยงในภูมิภาคและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายใต้นโยบาย OBOR ของจีน และยังได้นำเสนอโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ให้เป็นเขตเศรษฐกิจที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยสามารถเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างเอเชียตะวันออก - อาเซียน - เอเชียใต้ และเพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้าทั้งแบบดั้งเดิมและการค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

3) การพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรมใหม่ และเพื่อให้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าในภูมิภาค โดยกระทรวงพาณิชย์มีสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economic Academy) ที่พร้อมจะพัฒนาความร่วมมือด้าน SME และผู้ประกอบการ Startups กับฮ่องกงและประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจต่อไป

นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์ ได้มีโอกาสหารือทวิภาคีกับนาย Edward Yau รมว.การค้าและพัฒนาเศรษฐกิจคนใหม่ของฮ่องกง โดยสองฝ่ายต่างตระหนักถึงความสัมพันธ์อันดีและการเป็นประตูการค้าการลงทุนให้กันและกัน และต่างเห็นพ้องร่วมกันดำเนินการให้มีการลงนามความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกงภายในปีนี้ ไทยและฮ่องกงสามารถกระชับความร่วมมือระหว่างกันได้อีกหลายด้าน โดยเฉพาะการบ่มเพาะ SMEs Startups และกลุ่ม Talents ให้สอดคล้องกับรูปแบบการทำธุรกิจและธุรกรรมทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ ได้มีการหารือถึงความคืบหน้าหลังการเยือนฮ่องกงของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) ได้พาคณะนักลงทุนฮ่องกงมาศึกษาลู่ทางและศักยภาพในการลงทุนใน EEC ช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยนาย Yau แจ้งว่า HKTDC มีแผนจะดำเนินกิจกรรมต่างๆ กับไทยอย่างต่อเนื่อง

อนึ่ง Chinese General Chamber of Commerce: CGCC เป็นสภาหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดของฮ่องกง โดยมีสมาชิกกว่า 6,000 คน สำหรับงาน Hong Kong Summit ครั้งนี้ มีผู้แทนระดับสูงจากจีน รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม) ประธานกองทุนเส้นทางสายไหม (Silk Road Fund) ผู้ประกอบการ นักธุรกิจและนักลงทุนจากจีนและฮ่องกง สนใจเข้าร่วมงานกว่า 800 คน

ด้านการค้า ในปี 2559 ฮ่องกงเป็นคู่ค้าอันดับ 9 ของไทย เป็นประตูสู่จีนแผ่นดินใหญ่ ในปี 2559 การค้ารวมระหว่างไทยกับฮ่องกงมีมูลค่า 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตลดลง 2.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปฮ่องกง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ข้าว ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากฮ่องกง ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องประดับอัญมณี และผ้าผืน

สำหรับการลงทุน ในปี 2559 ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เป็นอันดับที่ 7 จำนวน 32 โครงการคิดเป็นมูลค่า 8.6 พันล้านบาท ลดลง 68.9% จากปีที่ผ่านมา ด้านการท่องเที่ยว ในปี 2559 มีนักท่องเที่ยวฮ่องกงเดินทางมาไทย 7.5 แสนคน เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่แล้ว มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปฮ่องกง 5.9 แสนคน เพิ่มขึ้น 12% จากปีที่แล้ว ส่วนด้านแรงงาน ในปี 2559 มีแรงงานไทยเข้าไปทำงานในฮ่องกงประมาณ 2,000 คน ส่วนมากประกอบอาชีพผู้ช่วยแม่บ้าน พนักงานบริการ และผู้ประกอบอาหาร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ