นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังนาย Ta Quang Ngoc (ตะ กวาง หง็อก) ประธานสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ไทย (Representative of Vietnam-Thailand Friendship Association) ได้นำคณะนักธุรกิจจากเวียดนาม 70 ราย เดินทางมาศึกษาศักยภาพและลู่ทางการลงทุนในประเทศไทย พร้อมเข้าหารือกับบีโอไอเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนว่า เบื้องต้นมีนักธุรกิจหลายรายที่ร่วมเดินทางมากับคณะครั้งนี้ เตรียมที่จะเข้ามาลงทุนและดำเนินกิจการด้านการค้า โดยอาจเริ่มต้นด้วยการหาหุ้นส่วนธุรกิจ ก่อนที่จะเข้ามาลงทุนตั้งกิจการในอนาคต อาทิ นักธุรกิจที่ดำเนินกิจการขนส่งทางเรือ กิจการอู่ต่อเรือรายใหญ่ของเวียดนาม สนใจลงทุนในกิจการเดินเรือท่องเที่ยว เพื่อเชื่อมระหว่างประเทศไทยผ่านจังหวัดจันทบุรี ไปสู่ทางใต้ของประเทศเวียดนาม ซึ่งจะกระตุ้นให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศเติบโตมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนที่เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารจากมะพร้าว อาหารทะเล และผู้ผลิตนวัตกรรมทางทันตกรรมผู้ผลิตเครื่องนอน ต้องการหาหุ้นส่วนทางธุรกิจเพื่อขยายฐานลูกค้าในประเทศไทยก่อนที่จะเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิต
"คณะนักธุรกิจจากเวียดนามชุดนี้ เป็นคณะแรกที่เข้ามาดูลู่ทางด้านการลงทุนในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการลงทุนของเวียดนามที่เปลี่ยนจากเดิมเน้นดึงการลงทุนเข้าไปในประเทศด้านเดียว เป็นส่งเสริมให้นักธุรกิจออกไปลงทุนต่างประเทศควบคู่ไปด้วย หรือเป็นรูปแบบการค้าและการลงทุน 2 ทาง เพื่อขยายโอกาสและหาตลาดใหม่ ๆ เช่นเดียวกับนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย โดยที่ผ่านมามีสายการบินจากเวียดนามที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว และจะมีกิจการอื่น ๆ เข้ามาลงทุนอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ ซึ่งมีส่วนรองรับกับยุทธศาสตร์แผนการท่องเที่ยวระยะยาวของประเทศไทยที่มุ่งดึงนักธุรกิจด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวเข้ามาลงทุน เพื่อให้ไทยเป็นฐานสำคัญและเป็นจุดหมายปลายทางในการดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่อาเซียน"
อย่างไรก็ตาม ประเทศเวียดนามยังเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มอาเซียนที่บีโอไอมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้นักธุรกิจไทยที่มีศักยภาพและความพร้อมเข้าไปลงทุน โดยช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะจัดคณะนักลงทุนไทย เดินทางไปดูพื้นที่ที่น่าสนใจลงทุนในประเทศเวียดนาม อาทิ ท่าเรือ และนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น