นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยไลอ้อน แอร์ กล่าวถึงผลประกอบการในปีนี้ที่ตอนแรกคาดว่าน่าจะมีกำไรได้เป็นปีแรก นับตั้งแต่เปิดให้บริการมาเป็นปีที่ 4 แต่ตอนนี้ชักไม่มั่นใจ เพราะรับมอบเครื่องบินใหม่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยจนถึงสิ้นปีนี้ไทยไลอ้อนแอร์จะยังคงมีฝูงบิน 27 ลำ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 30 ลำ ประกอบกับสถานการณ์แข่งขันของสายการบินโลว์คอสต์ยังคงรุนแรง โดยจะรุนแรงยิ่งกว่านี้ เมื่อไทยปลดล็อกปัญหาธงแดงได้สำเร็จ เพราะสายการบินแข่งขันทำตลาดกันได้เต็มที่ ไม่มีข้อจำกัดใดๆ มาเป็นอุปสรรค
ด้านแผนขยายเส้นทางบินใหม่ในช่วงครึ่งหลังปี 60 มุ่งเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศเป็นหลัก วางเป้าเปิดให้บริการเส้นทางสู่อินเดีย 2 เส้นทาง คือ ดอนเมือง-โคชิ และ ดอนเมือง-มุมไบ ในเดือน ต.ค.นี้ นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดบินไปไต้หวัน เส้นทาง ดอนเมือง-ไทเป ในเดือน ต.ค.เช่นกัน
ขณะที่เส้นทางบินสู่ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฮ่องกง ยังต้องรอองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปลดธงแดงออกจากประเทศไทยเสียก่อน จึงจะเป็นให้บริการได้ ซึ่งทั้ง 3 เส้นทางล้วนเป็นเส้นทางที่รอเปิดให้บริการอยู่แล้ว โดยญี่ปุ่นยังคงมองโอกาสเปิดเส้นทาง ดอนเมือง-ฟุกุโอกะ ส่วนเกาหลีใต้ต้องไปเส้นทาง ดอนเมือง-โซลก่อน
นายอัศวิน คาดว่า ในปี 60 ไทยไลอ้อนแอร์จะมีอัตราการเติบโตของจำนวนผู้โดยสาร 10% เมื่อเทียบกับยอดปีที่แล้วที่มีจำนวน 7.5 ล้านคน จากแผนงานขยายตลาดจีนอย่างมากในปีนี้จนปัจจุบันบินเข้าสู่ 14 เมืองแล้ว ส่วนอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) เฉลี่ยอยู่ที่ 90%
ปัจจุบัน สายการบินไทยไลอ้อนแอร์มีส่วนแบ่งในตลาดสายการบินโลว์คอสต์เส้นทางในประเทศมากเป็นอันดับที่ 2 แซงสายการบินนกแอร์แล้ว เป็นรองเพียงสายการบินไทยแอร์เอเชีย
สำหรับกลยุทธ์ในปี 61 ไทยไลอ้อนแอร์ ตั้งใจรับเครื่องบินใหม่เพิ่มอีก 10 ลำ เพื่อโปรโมทสนามบินอู่ตะเภาขึ้นเป็นศูนย์ปฏิบัติการทางการบิน (ฮับ) แห่งที่ 2 ต่อจากสนามบินดอนเมือง เพื่อรุกขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวจีน เป็นหลักทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงอินเดียด้วย อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาว่าจะสามารถขยายได้เต็มที่ตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะยังติดเรื่องการขอตารางบินจากสนามบินในจีน