กยท. เพิ่มปริมาณใช้ยางในประเทศต่อเนื่องปี 61 คาดต้นส.ค.รู้ความต้องการใช้ของหน่วยงานต่างๆ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 25, 2017 11:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวถึงกรณีประเด็นการแก้ปัญหายางพาราของประเทศว่า รัฐบาลมีการประกาศนโยบายอย่างชัดเจน โดยในระยะเร่งด่วน ปีงบประมาณ 2560 (ก.ค.- ก.ย.60) มีปริมาณความต้องการนำยางไปใช้งานในหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งสิ้นประมาณ 22,000 ตัน จำนวนนี้รวมความต้องการใช้ยางจากกรมชลประทานที่ได้ดำเนินการรับมอบยางจากสต็อกของ กยท. ที่รับซื้อจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรง เพื่อนำไปใช้ในโครงการแล้ว จำนวน 100 ตัน กรมปศุสัตว์ จำนวนประมาณ 1,272.60 ตัน กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวนประมาณ 231 ตัน กรมประมง จำนวนประมาณ 165.79 ตัน เป็นต้น

ปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้มีการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นนั้นจำเป็นต้องมีงบประมาณที่เพียงพอ บางหน่วยงานไม่มีงบประมาณรองรับ ต้องขอสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2560 ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี แต่ในระยาว กยท.จะทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะนำยางไปใช้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้มีการนำยางไปใช้ในปริมาณมากขึ้น ทั้งนี้ จะทราบปริมาณความต้องการใช้ยางของหน่วยงานต่างๆ ของปีงบประมาณ 2561 ได้ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้

นายธีธัช กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางควบคู่ที่ กยท. ส่งเสริมและผลักดันเพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยางมีชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงที่ราคายางผันผวน คือ การส่งเสริม สนับสนุน ให้เกษตรกรปลูกยางควบคู่กับการปลูกพืชแซมยางและพืชร่วมยางมาโดยตลอด เพื่อเป็นรายได้ระหว่างรอผลผลิต และเป็นรายได้หมุนเวียนให้เกษตรกรนอกเหนือจากยางพารา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรแบบผสมผสาน ซึ่งชาวสวนยางที่ต้องการโค่นยางเพื่อปลูกแทน หันมาเลือกปลูกยางแบบผสมผสานตามหลักเกณฑ์ที่ กยท. กำหนด โดยให้เกษตรกรลดจำนวนต้นยางในสวนยางลง จากเดิมที่ปลูกลักษณะพืชเชิงเดี่ยว ต้องมีต้นยาง 60-70 ต้น/ไร่ ปรับเหลือไม่น้อยกว่า 40 ต้น/ไร่ โดยรับทุนปลูกแทนอัตราเดิม (ไร่ละ 16,000 บาท/ปี) เพื่อให้เกษตรกรมีพื้นที่ว่างระหว่างต้นยางไว้สำหรับปลูกพืชหรือทำกิจกรรมทางการเกษตรอื่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประมงหรือปศุสัตว์ เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ให้แก่เกษตรกร ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรเลือกปลูกแทนแบบผสมผสานแล้วรวม 1,776 ราย คิดเป็นพื้นที่จำนวนรวมเกือบ 18,000 ไร่

รวมถึงการดำเนินงานตามมาตรการแนวทางการแก้ไขปัญหายางพาราระยะยาวของรัฐบาล โดยการ “ควบคุมปริมาณการผลิต" ที่กำหนดเป้าหมายลดพื้นที่ปลูกยางจำนวน 400,000 ไร่/ปี เพื่อให้เกษตรกรปลูกแทนยางด้วยไม้ยืนต้นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดอื่น จะช่วยพยุงราคายางภายในประเทศ ซึ่งในปี 2561 กยท. มีนโยบายจะลดพื้นที่ปลูกยางถาวรเพิ่มเติม โดยปรับเป้าหมายลดพื้นที่ปลูกยางถาวรจาก 100,000 ไร่ เป็น 200,000 ไร่ เพื่อลดปริมาณยางพาราที่จะออกสู่ตลาด สร้างความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานโลก

ในขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา กยท.ทำงานเชิงรุกตามวัตถุประสงค์ที่ พ.ร.บ.กยท.พ.ศ.2558 ได้กำหนดไว้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลักดันให้ประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งให้เกิดการแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิตยางให้มากขึ้น โดยการส่งเสริม สนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกยางรวมตัวเป็นกลุ่ม เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจ ยกระดับจากเกษตรกรรายย่อยมาเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพการทำสวนยางที่ไม่มุ่งเน้นเพียงแค่การผลิตวัตถุดิบส่งขาย ขณะเดียวกันลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศ โดยการแปรรูปใช้ในประเทศให้มากขึ้น ภายใต้การสนับสนุนจาก กยท. ซึ่งมีความพร้อมที่จะให้การส่งเสริม สนับสนุนทั้งในส่วนของความรู้และทุน หากเป็นเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย สามารถยกระดับตนเองโดยเป็นผู้ประกอบกิจการยาง ประเภทบุคคลธรรมดาได้ หรืออาจจะรวมรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการยางประเภทหนึ่งโดย กยท. มีเงินทุนสนับสนุนในรูปแบบของเงินกู้ตาม พ.ร.บ.กยท. พ.ศ.2558 ในมาตรา 49 (3) และหากเกษตรกรชาวสวนยางที่มีการรวมกลุ่ม สามารถจดทะเบียนเพื่อเป็นสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางในรูปของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางหรือสหกรณ์ เพื่อนำผลผลิตมาแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่มได้ โดย กยท.มีทั้งเงินทุนอุดหนุนประมาณปีละ 500 ล้านบาท พร้อมทั้งทุนสนับสนุนในรูปแบบของเงินกู้อีกประมาณ 2,500 กว่าล้านบาท เพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ผู้ปลูกยางพารามีรายได้ มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป

อย่างไรก็ตาม กยท.มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนายกระดับเกษตรกรผู้ปลูกยางมาแปรรูปผลิตภัณฑ์ยาง กยท.มีหลักสูตรและนักวิชาการที่ลงไปถ่ายทอดองค์ความรู้ในพื้นที่ โดยใช้เงินกองทุนพัฒนายางพารา ไม่ว่าการให้ความรู้ในเรื่องของการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง หรือด้านอุตสาหกรรมยาง เช่น หลักสูตรการผลิตหมอนยางพารา ที่นอนยางพารา หรืออื่นๆ เพื่อสร้างกลุ่มผู้ประกอบกิจการยางให้มีการนำยางพาราไปใช้ เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ยางมากขึ้น ตลอดจนการหาช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือและผลักดันให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยางสามารถดำเนินธุรกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเอง สังคมชาวสวนยาง และประเทศชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการหาตลาดรองรับศักยภาพของเกษตรกรชาวสวนยางที่พัฒนาตนเองมาเป็นผู้ประกอบการ โดยการส่งเสริมให้มีช่องทางการจำหน่ายในประเทศ กยท.จึงผลักดันรณรงค์ให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ยาง ไม่ใช่เฉพาะหน่วยงานราชการเท่านั้น แต่เป็นการผลักดันไปยังภาคเอกชนหรือประชาชนให้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางด้วย โดยการร่วมกันใช้ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากยางพารา ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์มากมายที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมกว่า 170 ชนิด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ