รมว.พาณิชย์ เตรียมขยายผลสุราษฎร์ธานีโมเดลใช้แก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน-สั่งตรวจสอบสต็อกหลังพบสูงผิดปกติ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 26, 2017 15:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ความร่วมมือการพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า การลงนามดังกล่าว กำหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในจังหวัดสุราษฎร์ธานีต้องรับซื้อปาล์มทะลายที่มีคุณภาพ เพื่อให้สามารถสกัดน้ำมันปาล์มดิบได้ 18% ซึ่งจะทำให้เกษตรกรต้องตัดปาล์มทะลายสุก ก้านทะลายสั้น และขายปาล์มทะลายที่มีคุณภาพดีเท่านั้น ส่วนลานเทปาล์มน้ำมันจะรับซื้อปาล์มทะลายที่มีคุณภาพและไม่ทำลูกร่วงส่งขายโรงงานภายใน 24 ชั่วโมง ในปัจจุบันหากซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% จะขายผลปาล์มดิบได้ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 4.20 บาท

"ได้ผลักดันกลุ่มเกษตรกร ลานเท และโรงงานสกัดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มร่วมกัน โดยล่าสุดได้มีการลงนามในเอ็มโอยูร่วมกันเพื่อรับซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% โดยจะมีผลบังคับใช้ภายใน 30 วันนับจากวันที่ 26 ก.ค.60 ซึ่งกระทรวงฯ จะนำแนวทางของจังหวัดสุราษฎร์ธานี (สุราษฎร์ธานีโมเดล) ไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ที่มีการปลูกปาล์ม ทั้งกระบี่และชุมพรต่อไป" นางอภิรดี กล่าว

กระทรวงฯ ได้เดินหน้าแก้ปัญหาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบ โดยได้ผลักดันให้พัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน และได้ขอความร่วมมือลานเทที่รับซื้อปาล์มน้ำมัน และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม รับซื้อปาล์มน้ำมันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงขึ้นด้วย เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำมันปาล์มที่จะนำไปใช้ต่อในอุตสาหกรรมอื่นๆ ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น

ปัจจุบันปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 450,000 ตัน สูงกว่าสต็อกเพื่อความมั่นคงที่ควรอยู่ระหว่าง 200,000-250,000 ตัน ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสต็อกเพื่อหาที่มาที่ไปอย่างเร่งด่วน หากพบการลักลอบนำเข้าจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันภายในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ