APEC เล็งนำมาตรการ PPP Fast Track ของไทยเป็นต้นแบบ หลังขับเคลื่อนโครงการร่วมลงทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 31, 2017 16:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ได้ไปแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่กลุ่มประเทศสมาชิก Asia-Pacific Economic Cooperation (APEC) ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ในเวที Asia Pacific Financial Forum (APFF) ที่ประเทศแคนาดา ถึงการที่ไทยสามารถใช้มาตรการ PPP fast track ในการขับเคลื่อนการร่วมลงทุนภาครัฐกับเอกชนได้อย่างเป็นรูปธรรมจนสามารถขับเคลื่อนโครงการ PPP ได้ถึงประมาณ 1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ภายใน 1 ปี

ในการประชุม APFF ณ ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 24 - 25 ก.ค.60 ประเทศสมาชิก APEC ได้ชี้ให้เห็นว่า ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค มีความต้องการในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 1.77 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี แต่รัฐบาลของประเทศสมาชิกหลายประเทศมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณในการลงทุนในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จึงได้มีการนำแนวนโยบายร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ Public Private Partnership (PPP) มาใช้เพื่อลดภาระการคลังของภาครัฐและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ

อย่างไรก็ดี ประเทศสมาชิกหลายแห่งยังประสบปัญหาในการขับเคลื่อนโครงการ PPP อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น APEC จึงได้เชิญ ประเทศที่สามารถขับเคลื่อนโครงการได้สำเร็จ เช่น ประเทศแคนาดา ประเทศไทย ประเทศออสเตรเลีย ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเม็กซิโก มาแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้วย PPP ให้แก่ประเทศสมาชิก APEC

นายเอกนิติ ยังกล่าวถึงมาตรการ PPP Fast Track ของ สคร. เพื่อผลักดันโครงการ PPP ให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วว่า มีการลดระยะเวลาในการเตรียมโครงการ (Project Preparation) ด้วยการดำเนินการระบุรายการที่ต้องทำ (PPP Checklist) และจัดตั้งคณะทำงานประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการ กระทรวงเจ้าสังกัด สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และ สคร. เป็นต้น เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยมีข้อมูลที่ตรงกันและมีความเข้าใจโครงการไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งได้ช่วยลดระยะเวลาการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลง

นอกจากนี้ ยังได้มีการดำเนินการคู่ขนานในการเตรียมร่างสัญญาร่วมลงทุนไปพร้อมกับขั้นตอนการเตรียมโครงการด้วย ทำให้นโยบาย PPP Fast Track สามารถลดการดำเนินการโครงการ PPP จากปกติที่ใช้ระยะเวลาประมาณ 25 เดือน เหลือเพียง 9 เดือนเท่านั้น และสามารถผลักดันโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานได้สำเร็จ

โดยในปีที่ผ่านมา สคร. สามารถขับเคลื่อนโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้ถึง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพู สายสีเหลือง และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และโครงการมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา และบางใหญ่-กาญจนบุรี ในส่วนของการดำเนินการและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance) ซึ่งโครงการทั้งหมดจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ