*(เพิ่มเติม) ครม.ให้คลังเก็บเพิ่มภาษีสรรพสามิตสุรา-เบียร์-ยาสูบใช้สนับสนุนกองทุนผู้สูงอายุ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 1, 2017 18:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในหลักการ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ โดยให้เก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มจากสุรา เบียร์ และยาสูบ เพื่อให้มาเป็นรายได้เพิ่มเติมสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ซึ่งจะจัดสรรในอัตราร้อยละ 2 ของภาษีที่จัดเก็บไปจัดสรรเป็นรายได้ของกองทุนผู้สูงอายุ ปีละไม่เกิน 4 พันล้านบาท

เนื่องจากรายได้ของกองทุนผู้สูงอายุภายใต้กฎหมายปัจจุบันไม่เพียงพอต่อการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย โดยการจัดเก็บเงินบำรุงกองทุนจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตจะช่วยให้รัฐบาลสามารถบรรเทาภาระงบประมาณแผ่นดินได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม อาจจะส่งผลให้ราคาขายปลีกสินค้าสุราและยาสูบเพิ่มขึ้น (หากผู้ผลิตผลักภาระภาษีที่เก็บเพิ่มไปสู่ผู้บริโภค) ซึ่งจะกระทบต่อปริมาณการบริโภคสินค้าดังกล่าว

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจากการสำรวจก่อนหน้านี้พบว่ามีผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยมากถึง 2.3 ล้านคน จากจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด 3.5 ล้านคน และหลังจากเปิดให้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยแล้วคาดว่าจะมีผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยราว 3 ล้านคน ซึ่งมีรายได้ไม่เพียงพอจากการรับเงินสวัสดิการจากรัฐแบบขั้นบันได 600-900 บาท/เดือน และหากไม่มีผู้อุปการะเลี้ยงดูจะได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพจากกระทรวงมหาดไทยอีก 300 บาท/เดือน

สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดให้กองทุนมีอำนาจจัดเก็บเงินบำรุงกองทุนจากผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวกับสินค้าสุราและยาสูบตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ 2 ของภาษีที่เก็บจากสุราและยาสูบ เพื่อจัดสรรให้เป็นรายได้ของกองทุนปีงบประมาณละไม่เกิน 4 พันล้านบาท โดยให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรเป็นผู้ดำเนินการเรียกเก็บเงินบำรุงกองทุนเพื่อนำส่งเป็นรายได้ของกองทุน

ในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดให้มีการออกกฎหมายลำดับรองจำนวน 15 ฉบับ โดยให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ร่าง พ.ร.บ.มีผลใช้บังคับ

เอกสารประกอบการพิจารณาของ ครม.ระบุว่า ปัจจุบันนอกจากการเสียภาษีสุราและยาสูบ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอื่นๆ ในลักษณะของการนำรายได้จากภาษีหรือค่าธรรมเนียมไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (Earmarked Tax) ประกอบด้วย เงินบำรุงเข้ากองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในอัตรา ร้อยละ 2 ของภาษีที่เก็บจากสุราและยาสูบตามกฎหมายว่าด้วยสุราและกฎหมายว่าด้วยยาสูบ , เงินบำรุงองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ในอัตราร้อยละ 1.5 และเงินบำรุงกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในอัตราร้อยละ 2

และเมื่อรวมกับการส่งเงินบำรุงเข้ากองทุนผู้สูงอายุในอัตราร้อยละ 2 ตามร่าง พ.ร.บ.ในเรื่องนี้อีก จะทำให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีสุราและยาสูบจะต้องเสียภาษีอื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 7.5

อย่างไรก็ตาม กองทุนและองค์กรดังกล่าวข้างต้นมีเพียงองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยที่กำหนดให้มีรายได้สูงสุดปีงบประมาณละไม่เกิน 2 พันล้านบาท แต่กองทุนอื่นๆ ยังไม่ได้มีการกำหนดเพดานรายได้สูงสุด ดังนั้น ครม.จึงให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักเขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดเพดานรายได้สูงสุดของกองทุนที่มีรายได้จาก Earmarked Tax และศึกษาระดับความเหมาะสมของเงินอุดหนุนที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้รับจาก Earmarked Tax

นอกจากนี้ ทางกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการจูงใจ เชิดชูผู้เสียสละในโครงการที่ให้ผู้ได้รับเบี้ยยังชีพ แต่มีรายได้เลือกไม่รับเงินเบี้ยยังชีพและบริจาคเงินที่ได้รับเข้ากองทุนนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้เงินมาสมทบอีกประมาณ 4 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ