นายกรกฏ กิตติพล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บมจ.ไทยฮั้วยางพารา เปิดเผยว่า แนวโน้มราคายางพาราในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 60-70 บาท จากปัจจุบันที่ 52-23 บาท เพราะมองว่าผู้ซื้อในตลาดโลกได้กลับมาซื้อยางพาราแล้วจากที่ได้ชะลอการซื้อไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคอีสาน ส่งผลให้กำลังการผลิตยางพาราในประเทศหายไปประมาณ 30%
โดยปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกยางพาราอันดับหนึ่งของโลก และส่งออกไปตลาดจีนอันดับหนึ่ง สัดส่วนประมาณ 40% รองลงมาเป็นอินเดีย สหรัฐ เป็นต้น
สำหรับการส่งออกยางพาราในเดือนมิ.ย.60 มีมูลค่า 14,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22.8% ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพารา มีมูลค่า 28,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.7% ส่วนการส่งออกยางพาราในช่วง 6 เดือน (เดือม.ค.-มิ.ย.) ปี 60 มีมูลค่า 113,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 55.1% และการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง 170,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.2%
ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดงานเจรจาการค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราระหว่างผู้นำเข้าต่างประเทศและผู้ประกอบการไทย โดยมีผู้ซื้อ ผู้นำเข้ากว่า 100 ราย จาก 25 ประเทศทั่วโลก เช่น อาเซียน จีน อินเดีย บังคลาเทศ ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป สหรัฐ ฯลฯ ร่วมเจรจาซื้อขายผลิตภัณฑ์ยางพาราในครั้งนี้ คาดว่า จะเกิดมูลค่าการซื้อขายภาพรวมมากกว่า 15,000 ล้านบาท
"กิจกรรมการเจรจาการค้าครั้งนี้ จะเป็นความสำเร็จของอุตสาหกรรมยางพาราไทยในการขยายตลาด และการสร้างพันธมิตรกับคู่ค้ารายใหม่ รวมทั้งยังเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ทางการค้ากับคู่ค้าต่างประเทศ โดยสินค้ายางพาราที่ได้รับความสนใจจากผู้นำเข้าต่างประเทศ ได้แก่ ยางล้อ ยางธรรมชาติ ถุงมือยาง ยางคอมพาวด์ และผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ" รมว.พาณิชย์ กล่าว
ด้านนางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ผู้นำเข้ายางและผลิตภัณฑ์รายใหญ่จากต่างประเทศที่ตอบรับเข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย ผู้นำเข้าจากประเทศจีน อาทิ บริษัท ชิงต่าว ดับเบิ้ลสตาร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์ดับเบิ้ลสตาร์ ซึ่งเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของจีน, บริษัท ชิงต่าว เซนทูรี่ ไทร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายล้อรถยนต์และเครื่องบิน มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม มีกำลังการผลิต 27 ล้านล้อต่อปี และบริษัท กวางโจว ซิโน รับเบอร์ ผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ของมณฑลกวางตุ้ง
นอกจากนี้ ยังมีบริษัท บาเรซ อินดัสเตรียล คอมเพล็กซ์ จากอิหร่าน ผู้ผลิตยางรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ทำจากยางพาราใหญ่อันดับ 1 ของประเทศ, บริษัท คาเร็กซ์ เบอร์ฮัด จากมาเลเซีย ผู้ผลิตถุงยางอนามัยรายใหญ่ของโลก มีกำลังการผลิต 5 ล้านชิ้นต่อปี, บริษัท เดอะ เซาเทิร์น รับเบอร์ อินดัสตรี จากเวียดนาม ผู้ผลิตนำเข้าและผู้ผลิตยางในรถจักรยาน จักรยานยนต์ และรถยนต์ประเภทต่างๆ เป็นต้น มาเจรจาซื้อขายกับผู้ประกอบการไทยรายสำคัญที่เข้าร่วมงาน อาทิ บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสตรี, บมจ.ไทยฮั้วยางพารา, บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด และสหกรณ์กองทุนสวนยางอำเภทบ่อทอง จำกัด