นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า พ.ร.บ.ทุนหมุนเวียน ได้ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวจะทำให้การบริหารจัดการทุนหมุนเวียนมีความชัดเจนมากขึ้น เช่น การจัดตั้งทุนหมุนเวียนแต่ละส่วนนั้นจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ซ้ำซ้อน รวมทั้งจะมีการกำหนดเพดานเงินทุนหมุนเวียนแต่ละแห่งให้มีความเหมาะสม และส่วนที่เหลือหรือเกินก็จะดึงกลับเข้ามาที่คลังต่อไป
สำหรับการยุบเลิกทุนหมุนเวียนนั้น ก็จะมีเกณฑ์ในการพิจารณาอย่างชัดเจน เช่น ทุนหมุนเวียนใดไม่เกิดประโยชน์ หรือไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว เมื่อสอบถามหน่วยงานเจ้าสังกัดแล้วหากพบว่าไม่จำเป็นก็จะมีการเสนอคณะกรรมการบริหารทุนหมุนเวียนให้มีการพิจารณายุบเลิกไป หรือบางส่วนอาจมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานที่เปลี่ยนไปก็อาจขอให้มีการเปลี่ยนแปลงทุนหมุนเวียน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
"ปัจจุบันมีทุนหมุนเวียน 116 ทุน มีสินทรัพย์ประมาณ 3.8 ล้านล้านบาท ในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของกรมบัญชีกลางที่จะบริหารเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากขึ้น และหลังจากนี้จะมีการออกกฎหมายลูกเพื่อรองรับ พ.ร.บ.ทุนหมุนเวียนใหม่ ในการกำหนดเพดานเงินทุนหมุนเวียนแต่ละแห่งให้มีความเหมาะสม ส่วนที่เหลือให้นำส่งเข้าคลังต่อไป แต่การดำเนินการของทุกทุนหมุนเวียนจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์การจัดตั้ง ไม่มีการซ้ำซ้อนกันเด็ดขาด ซึ่งทุนหมุนเวียนส่วนใหญ่จะมีทั้งที่เน้นส่งเสริมการศึกษา, สนับสนุนภาคเกษตร, ช่วยเหลือ SMEs, ลดความเหลื่อมล้ำ" นายอภิศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ สนช. ยังเตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 วาระ 2 และ 3 ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ โดยจะมีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดตั้งกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ปรับลดลงจากเดิมที่ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นทั้งหมดแล้ว ซึ่งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 จะเริ่มใช้ได้ในวันที่ 1 ต.ค.60
ด้าน น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ทุนหมุนเวียนถือเป็นเครื่องมือสำคัญของภาครัฐในการตอบสนองนโยบายด้านต่าง ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารและพัฒนาประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนและส่งเสริมให้ทุนหมุนเวียนทุกแห่งสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านระบบประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนที่กรมบัญชีกลางกำหนดขึ้น
อนึ่ง ในวันนี้ได้มีการมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2560 โดยรางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการดีเด่น มี 6 ทุน ได้แก่ กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา, กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกร เป็นต้น รางวัลการพัฒนาดีเด่น ประเภทดีเด่น 3 ทุน ได้แก่ กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และประเภทชมเชย 1 ทุน ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน, รางวัลผลการดำเนินงานดีเด่น 5 ทุน ได้แก่ กองทุนสนับสนุนการวิจัย เงินทุนหมุนเวียนการแสดงเหรียญกษาปณ์และเงินตราไทย เป็นต้น และรางวัลทุนหมุนเวียนเกียรติยศ จำนวน 1 ทุน ได้แก่ กองทุนสนับสนุนการวิจัย