(เพิ่มเติม) นายกฯ เปิดงาน"ASEAN-India Expo and Forum" แนะมุ่งเน้นพัฒนาใน 5 ปัจจัยพื้นฐานเพิ่มศักยภาพสร้างแรงขับเคลื่อนศก.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 3, 2017 12:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด “ASEAN-India Expo and Forum" พร้อมปาฐกถาพิเศษ ระบุว่า อาเซียนและอินเดียถือเป็นส่วนหนึ่งในกลไกทางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก หากสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสอดประสานแล้ว นับว่าจะทำให้เกิดอำนาจในการต่อรองและเป็นตลาดใหญ่ที่มีพลังก่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมได้

ในปัจจุบันเศรษฐกิจโลกภาพรวมกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวโน้มขยายตัวช้าและมีความเสี่ยงจากความผันผวนในระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกในเกณฑ์สูง จากความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนนโยบายของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งถึงเวลาที่ภูมิภาคเอเชียต้องผนึกกำลังกัน เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพและยั่งยืนในระยะยาวบนพื้นฐานของการเจริญเติบโตไปด้วยกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าอาเซียนและอินเดียถือเป็นส่วนหนึ่งในกลไกทางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก หากสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสอดประสานแล้ว จะทำให้เกิดอำนาจในการต่อรองและเป็นตลาดใหญ่ที่มีพลังก่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางเศรษฐกิจและสังคมได้ การรวมตัวของอาเซียนและ การเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) หรือ AEC ทำให้เกิดการดึงศักยภาพของภูมิภาคมาใช้อย่างเต็มที่ เกิดตลาดและฐานการผลิตที่สำคัญของโลก โดยประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้กำหนดยุทธศาสตร์ AEC 2025 เพื่อยกระดับ การรวมตัวด้านการค้า การลงทุน การเงิน และการเคลื่อนย้ายบุคลากร การเสริมสร้าง ความสามารถในการแข่งขัน การเชื่อมโยงและความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่สำคัญ การพัฒนาอย่างครอบคลุมและทั่วถึงในทุกระดับ และทำให้อาเซียนมีบทบาททางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลกอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจของสมาชิกอาเซียน จะผลักดันให้สมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศสามารถปรับตัวเข้าสู่โลกในยุคอนาคตได้อย่างรวดเร็วและกลมกลืน กรณีของไทยที่ได้เริ่มปรับตัวเข้าสู่โมเดลใหม่ของประเทศที่เรียกว่า "Thailand 4.0" ซึ่งเป็นรูปแบบทางเศรษฐกิจที่เน้นการสร้างมูลค่า และการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยมีหัวใจสาคัญอยู่ที่การสร้าง "คนไทย 4.0" ให้มีทักษะความรู้ความสามารถในวิทยาการสมัยใหม่ พร้อมรองรับความต้องการของตลาดและภาคธุรกิจ และพร้อมต่อการพัฒนา เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและอินเดียอย่างรอบด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม ซึ่งในปีนี้จะยกระดับการพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียน – อินเดีย โดยมีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 53 พร้อมทั้งจะเดินหน้าขยายความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วน การเจรจาที่สำคัญ โดยอาเซียนและประเทศคู่เจรจา 6 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ประกาศเริ่มการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) หรือ RCEP เมื่อปี 56 ซึ่ง RCEP จะเป็นการยกระดับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของภูมิภาค ครอบคลุมการเปิดเสรีทั้งเชิงกว้างและเชิงลึก ลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน และเสริมสร้างกฎกติกาทางการค้าให้ทันกับเศรษฐกิจโลกในยุคใหม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างอินเดียและอาเซียนทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการอำนวยความสะดวกทางการค้า การบริการและการลงทุน รวมทั้งช่วยลดต้นทุน ด้านโลจิสติกส์ และการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจในพื้นที่ อาทิ การพัฒนาพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย เพื่อเป็นประตูเชื่อมโยงสู่อาเซียนผ่านโครงการ Trilateral Highway Project ที่อินเดียสนับสนุนการสร้างทางหลวงเชื่อม 3 ฝ่าย อินเดีย - เมียนมา - ไทย และเชื่อมโยงไปยังกัมพูชา ลาว และเวียดนาม รวมถึงพัฒนา Mekong - India Economic Corridor เพื่อเป็นเส้นทางลัดเชื่อมโยงภูมิภาคลุ่มแม่น้าโขงกับอินเดียฝั่งตะวันออก โดยจะเชื่อมเส้นทางทั้งทางบกและทางน้า ผ่านทางโฮจิมินห์ – พนมเปญ – กรุงเทพฯ – ทวาย - เจนไน เข้าด้วยกัน โดยมีทวายเป็นประตูเข้าสู่อาเซียน ตลอดจนสนับสนุนการเปิดน่านฟ้าเสรีกับอาเซียนด้วย

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่จะดึงศักยภาพและสร้างความเจริญเติบโตร่วมกันของอาเซียนและอินเดีย จำเป็นต้องเร่งพัฒนาและเสริมสร้างปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญร่วมกัน 5 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาภาครัฐดิจิทัล เพื่ออำนวยสะดวกและสนองต่อความต้องการและลดต้นทุนค่าเสียโอกาสของภาคธุรกิจ, การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยการเร่งลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาและส่งเสริมระบบนิเวศด้านนวัตกรรม, การพัฒนาภาคเกษตร, การพัฒนาไมโคร SMEs ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่และเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาค พัฒนาให้ MSMEs สามารถก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ที่เน้นการสร้างนวัตกรรมและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมถึงส่งเสริมให้ MSMEs สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่า (value chain) ของภูมิภาคและของโลก และการพัฒนาและยกระดับคุณภาพกำลังคน ถือเป็นเรื่องที่สาคัญที่สุดเพื่อ รองรับกับโอกาสและความท้าทายในโลกยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคนในทุกมิติ และทุกช่วงวัยให้เป็นทุนมนุษย์ที่มีศักยภาพสูง มีทักษะความรู้ความสามารถและพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพื่อรองรับกับโอกาสและความท้าทายในโลกยุคใหม่ ซึ่งเป็นยุคอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่งทุกอย่าง (Internet of things) ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวช้าและมีความผันผวนไม่แน่นอน

"การจัดงานในวันนี้ถือเป็นตัวอย่างและโอกาสที่ดีที่ผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนจากอาเซียนและอินเดียจะได้พบปะหารือ สร้างสายสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมีเอกภาพต่อไป และเชื่อว่าทุกคนที่เข้าร่วมงานเป็นกลไกความเชื่อมโยงที่สำคัญ ระหว่างอาเซียนและอินเดีย และจะเป็นกำลังสำคัญในการทำงานร่วมกัน โดยใช้ศักยภาพที่มีของอาเซียนและอินเดียอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันพัฒนาความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับ ASEAN-India Expo and Forum ทางกระทรวงพาณิชย์ จับมือกับหน่วยงานพันธมิตร และอีก 9 ประเทศสมาชิกอาเซียนรวมทั้งประเทศอินเดีย จัดเวทีพบปะครั้งใหญ่ระหว่างผู้แทนระดับสูงภาครัฐและภาคเอกชนจากทั้งสองฝ่าย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างอาเซียน-อินเดีย และครบรอบ 70 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินเดีย

ในส่วนเวทีบรรยายและเสวนาในส่วนของ Forum เปิดให้ร่วมกิจกรรมเป็นเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 3-4 ส.ค.60 ที่ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในขณะที่ส่วนของมหกรรมสินค้าหรือ Expo ภายใต้แนวคิด “Creative and Digital" จะเปิดให้ชมทุกวันจนถึงวันที่ 5 ส.ค.60

นอกจากนี้ ภายในงานยังประกอบด้วยกิจกรรมเสริมสร้างความร่วมมือในระดับหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และระหว่างนักธุรกิจทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น One-on-One Meeting, Business Matching และกิจกรรม Young Entrepreneurs Networking นับได้ว่า ASEAN-India Expo and Forum คือเวทีสำคัญแห่งปี ที่จะเชื่อมโยงอาเซียนและอินเดีย เพื่อการเจริญเติบโตไปข้างหน้าด้วยกันอย่างยั่งยืนในทุกมิติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ