นายอภิศักดื์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าที่สุดในภูมิภาคในขณะนี้ น่าจะมาจากสาเหตุสำคัญ 2 ประการ คือ เงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในประเทศมากชึ้น ทั้งจากการค้าขายที่ปัจจุบันเกินดุลการค้าประมาณพันล้านดอลลาร์ต่อเดือน และ CTBC BANK พันธมิตรจากไต้หวันที่เป็นธุรกิจต่างชาติขนาดใหญ่นำเงินเข้ามาลงทุนในธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHBANK) ประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันในเร็วๆนี้ จะมีธนาคารทำข้อตกลงร่วมกับธุรกิจประกันภัย ซึ่งจะมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในประเทศอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีเงินดอลลาร์เข้ามาอยู่ในระบบค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ รมว.คลัง มั่นใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลค่าเงินบาทได้ และไม่ปล่อยให้แข็งค่าเกินความจำเป็น
ด้านภาคการส่งออกนั้น เชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังเติบโตได้ดี เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่คงไม่ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทมกานัก เนื่องจากได้ทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว ประกอบกับ ผู้ประกอบการขนาดใหญ่มักจะมีธุรกิจทั้งสองขา คือ การนำเข้าและส่งออก ถือว่าเป็นการทำประกันความเสี่ยงโดยธรรมชาติ
ขณะที่ผู้ส่งออกที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก หรือ ผู้ประกอบการรายเล็ก อาจได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ได้ทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ในช่วงที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้เร่งออกมาตรการช่วยเหลือแล้ว หลังจากนี้ไปหากเห็นความจำเป็นต้องออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบก็พร้อมดำเนินการ
แต่กรณีที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ที่ประสบน้ำท่วม ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือด้วยการใช้มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง และภาษีธุรกิจเฉพาะให้กับผู้ซื้อในพื้นที่เพื่อกระตุ้นยอดขายนั้น นายอภิศักดิ์ ยืนยันไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการดังกล่าว เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อประชาชนผู้ประสบภัย