นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากโครงการศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน (Thailand Smart Trade Center: TSTC) ที่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในไทยและจีน ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครกวางโจว สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ เมืองกว่างโจว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บมจ.การบินไทย (THAI), บริษัท ซีโฟน่า กรุ๊ป จำกัด และธนาคารกสิกรไทย เพื่อเป็นช่องทางสร้างโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายตลาดเข้าสู่จีนในรูปแบบ B2B จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 ก.ย.นี้ ณ เมืองโฝซาน มณฑลกวางตุ้ง บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร
"เพื่อเพิ่มช่องทางและขยายโอกาสทางธุรกิจของสินค้าไทยที่จัดแสดงภายในศูนย์ฯ ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนได้มากขึ้น ในรูปแบบ B2C กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังได้ร่วมมือกับเว็บไซต์เจดีดอทคอม (www.jd.com) ของบริษัท จิงตง จำกัด (Jingdong) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเป็นลำดับ 2 ในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบัน โดยได้ทำการเปิดร้านไทยแลนด์ พาวิลเลียน (Thailand Pavilion) บนเว็บไซต์ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และจะประชาสัมพันธ์แคมเปญ Thailand Day เพื่อประชาสัมพันธ์หน้าร้าน Thailand Pavilion ให้ผู้บริโภคจีนรู้จักในวันที่ 11 ก.ย.นี้ด้วย" รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุ
สำหรับผลิตภัณฑ์หรือสินค้าจากผู้ประกอบการไทยที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อจัดแสดงในไทยแลนด์ พาวิลเลียนนั้น มีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ กลุ่มสินค้าอาหาร กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม และกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยส่วนหนึ่งจะมาจากสินค้าของศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีนที่ได้รับตรา Thailand Trust Mark (T mark) ซึ่งเป็นตัวอย่างสินค้าคุณภาพจากประเทศไทยที่มีภาพลักษณ์ที่ดีและมีแบรนด์เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากการคัดสรรจากการจัดกิจกรรม Business Matching ในวันที่ 10 ส.ค. ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจกว่า 200 บริษัท เน้นสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ ของแต่งบ้าน
"การขยายช่องทางจัดจำหน่ายในรูปแบบอี-คอมเมิร์ซนี้ ถือเป็นการต่อยอดจากการสร้างโอกาสทางการจัดจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการ Smart Enterprise ที่เข้าร่วมแสดงสินค้าในศูนย์ฯ ให้ได้เข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่ต้องการขยายตลาดในประเทศจีนด้วยแพลตฟอร์มทันสมัย ไม่ผ่านขั้นตอนยุ่งยาก และยังสร้างโอกาสให้เกิดการขอรับตราสัญลักษณ์ T Mark เพิ่มมากขึ้นด้วย" นายสมเด็จกล่าว
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน (Thailand Smart Trade Center: TSTC) จะได้รับโอกาสและช่องทางการค้าสู่ตลาดจีนตลอดทั้ง 365 วัน ในรูปแบบ Offline to Online พร้อมบริการให้คำปรึกษาด้านการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนแบบถูกต้องและครบวงจรโดยทีมที่ปรึกษา และสร้างโอกาสในการพบคู่ค้าธุรกิจในประเทศจีนโดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ประกอบการที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง เป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อาทิ สินค้าที่ได้รับตรา Thailand Trust Mark (T MARK) สัญลักษณ์ที่แสดงถึงสินค้าที่มีมาตรฐานระดับสากลและคุณภาพจากประเทศไทย