กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15-33.35 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.23 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 27 เดือน โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรมูลค่า 800 ล้านบาท และ 2.3 หมื่นล้านบาทตามลำดับ ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีคลี่คลายลงบ้างหลังทางการเกาหลีเหนือรายงานว่าจะเลื่อนแผนการโจมตีเกาะกวมของสหรัฐฯ ออกไป
ตลาดการเงินโลกให้น้ำหนักกับรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงบันทึกการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของกลุ่มเศรษฐกิจชั้นนำ หลังประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ หากเศรษฐกิจปรับตัวตามคาด
ทั้งนี้ ตลาดสัญญาล่วงหน้าบ่งชี้ถึงความน่าจะเป็นต่ำกว่า 40% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม สะท้อนว่าดอลลาร์ยังมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงสั้นๆ หากตัวเลขเศรษฐกิจอาทิ ยอดค้าปลีกและตัวเลขภาคการผลิตออกมาแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเอื้อให้เฟดเดินหน้าตามแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลในระยะต่อไป
สำหรับปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ในการประชุมวันที่ 16 สิงหาคม แม้เงินบาทจะแข็งค่าเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่แข่งและคู่ค้า แต่กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์มองว่า การปรับลดดอกเบี้ยอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินจากนักลงทุนที่มีพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield) ซึ่งทางการมักเน้นย้ำถึงข้อกังวลดังกล่าว
นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยอาจส่งสัญญาณว่า ปัจจัยหนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามที่ทางการประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม กนง. มีแนวโน้มที่จะสื่อสารอย่างระมัดระวังถึงเงินบาทที่แข็งค่าโดยย้ำว่าเป็นหนึ่งในอุปสรรคต่อการขยายตัวของภาคส่งออก