นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวในงานสัมมนา Thailand Overseas Investment Forum 2017 ว่า ในช่วงที่ผ่านมา บีโอไอเปิดอบรมหลักสูตร “สร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ” มาแล้ว 11 รุ่น มีนักลงทุนผ่านการอบรมกว่า 400 ราย ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ 89 รายไปลงทุนในต่างประเทศแล้ว” และสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้นำนักลงทุนไทยรุ่น 12 และ 13 อีก 70 ราย เดินทางไปศึกษาโอกาสและลู่ทางการลงทุนในลาวและเวียดนาม
เหตุผลสำคัญที่ต้องมุ่งไปสู่ตลาดอาเซียนนั้น เนื่องจากค่าแรงของไทยอยู่ระดับสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันประเทศในอาเซียนมีอัตราการเติบโตสูงทำให้มีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งการลงทุนของไทยในอาเซียน จะนำผู้ประกอบการไทยไปสู่โอกาส 3 ด้าน ได้แก่ 1. โอกาสที่ธุรกิจไทยไปตั้งฐานการผลิต เพื่อแก้ปัญหาที่อุตสาหกรรมไทยมีอยู่ ทั้งด้านแรงงาน วัตถุดิบ และพลังงาน
2. โอกาสให้ธุรกิจไทยรุกเข้าถึงตลาดอาเซียนที่จะรวมกันเป็นตลาดเดียวในอนาคตซึ่งจะช่วยต่อยอดให้สินค้าไทยไปสู่ระดับอาเซียน และ 3. โอกาสก้าวไปสู่ระดับภูมิภาค จากการที่อาเซียนจะเป็นศูนย์กลางของการรวมกลุ่มระดับภูมิภาค เช่น ความตกลงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ธุรกิจไทยก็จะได้รับประโยชน์จากอาเซียนในอนาคตได้อีก
ขณะที่ นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้นำเสนอผลการศึกษา "โอกาสการลงทุนของไทยในอาเซียน" ระบุว่า ผู้ประกอบการที่ต้องการไปลงทุนในอาเซียน ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนระยะยาว เพื่อให้เข้าใจตลาดท้องถิ่นดีพอ ขณะเดียวกันธุรกิจควรมีสายป่านที่ยาว และมีบริษัทแม่ที่ขายในไทยอยู่ก่อนแล้วเพื่อลดความเสี่ยงเนื่องจากกฎหมายของแต่ละประเทศเปลี่ยนแปลงบ่อย สิ่งสำคัญควรศึกษาตลาดของแต่ละประเทศที่จะไปลงทุนให้ดีเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคในการยอมรับสินค้าแต่ละชนิดแตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น ประเทศอินโดนีเซียนั้น จากการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลพบว่า ผู้ประกอบการไทยควรเข้าไปลงทุนเพื่อขายสินค้าในประเทศไม่ใช่เพื่อการส่งออกสินค้า เพราะตลาดในประเทศมีขนาดใหญ่และกำลังขยายตัวโดยเฉพาะในเกาะชวา อินโดนีเซีย มีช่องทางจำหน่ายสินค้าที่ดี สามารถใช้ผู้แทนจำหน่ายในการช่วยกระจายสินค้าได้ กิจกรรมส่งเสริมการขายและทำการตลาด ควรใช้ช่องทางของสื่อโทรทัศน์เป็นหลัก สินค้าที่มีโอกาสเข้าไปลงทุนคือ ชิ้นส่วนยานยนต์
เวียดนาม แบ่งออกเป็น 3 เขต (เหนือ กลาง ใต้ ) พบว่ามีการแข่งขันสูงในเวียดนามใต้ ผู้บริโภคเปลี่ยนแบรนด์สินค้าง่าย แต่เป็นตลาดใหญ่ที่สุด ขณะที่เวียดนามตอนกลางการแข่งขันยังไม่สูงมาก และมีตลาดขนาดใหญ่เนื่องจากชนชั้นกลางมีจำนวนมากขึ้น การเข้าไปลงทุน ควรมีพนักงานท้องถิ่นที่มีความสามารถในการประสานงานกับเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นเนื่องจากกฎระเบียบเปลี่ยนแปลงบ่อย
เมียนมา เป็นประเทศที่นักลงทุนหลายชาติให้ความสนใจเข้าไปลงทุนเพราะมีการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และเปิดเสรีมากขึ้น ปัจจุบันมีนักลงทุนมาก จึงมีความเสี่ยงสูง ซึ่งผู้ประกอบการที่จะเข้าไปลงทุนในเมียนมา ควรหาพันธมิตรทางการค้า โดยมุ่งไปที่ชนชั้นกลางในเมืองใหญ่