นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (บอร์ดสตาร์ทอัพ) เปิดเผยว่า ได้รับมอบนโยบายจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการสตาร์ทอัพคนไทย รวมถึงการดึงสตาร์ทอัพจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างเร่งด่วน
ในขณะที่ฝ่ายผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอเพื่อขอให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนแหล่งเงินทุนในรูปแบบของกิจการร่วมลงทุน (Venture Capital) การให้สิทธิพิเศษทางด้านภาษี และการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ที่ขณะนี้ยังมีความล่าช้า รวมทั้งขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับปรุงกฎระเบียบเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็ก
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงฯ กำลังเร่งยกร่างกฎหมายเพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพโดยตรง ซึ่งจะพิจารณาว่ามีธุรกิจใดที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับและจะสามารถผ่อนปรนให้ดำเนินการได้หรือไม่ โดยอาจเป็นการนำร่องทดสอบใน Regulatory Sandbox ไปก่อน, การพิจารณากำหนดประเภทธุรกิจสตาร์ทอัพที่จะได้รับการส่งเสริม, การให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพในไทย เป็นต้น
"เรื่องนี้มีความเร่งด่วน คาดว่าจะเสนอร่างกฎหมายได้ในเดือนก.ย.นี้ หลังจากนั้นจะมีการนำเข้าคณะกรรมการสตาร์ทอัพ และถ้ามีความจำเป็น ก็อาจเสนอให้นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อผลักดันกฎหมายนี้ให้เกิดโดยเร็ว" ปลัดกระทรวงการคลังกล่าว
พร้อมระบุว่า กระทรวงการคลังยังได้หารือร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในเรื่องการจัดตั้งกระดานระดมทุนเพื่อใช้เป็นแหล่งระดมเงินทุนสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพโดยตรง ซึ่งคาดว่าจะเปิดได้ช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ สำหรับใช้เป็นทางเลือกในการลงทุน
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดทำหลักสูตรพัฒนาผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพื่อบรรจุเข้าไปเป็นวิชาเลือกให้กับสถาบันการศึกษาตั้งแต่ระดับอาชีวะศึกษา และระดับมัธยมศึกษา จากเดิมที่จะมีหลักสูตรนี้เฉพาะระดับอุดมศึกษาเท่านั้น