น.ส.วาริธร ศิริสัตยวงศ์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า ได้ปรับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และรายได้จากการท่องเที่ยวของปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 35.2 ล้านคน และรายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 2.75 ล้านล้านบาท
"ทางเรายังมีมุมมองที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 60 ไปจนถึงต้นปี 61 โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ที่ 35.2 ล้านคน จาก 34.15 ล้านคน (ขณะที่กระทรวงท่องเที่ยวเคยประมาณการไว้ที่ 35 ล้านคน) และคาดว่ารายได้การท่องเที่ยวประมาณ 2.75 ล้านล้านบาท โดยได้ปรับประมาณการรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 1.81 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่เคยประเมินไว้ตอนต้นปีที่ 1.77-1.79 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับที่กระทรวงท่องเที่ยวฯ มองไว้ที่ 1.78 ล้านล้านบาท และเป็นรายได้จากไทยเที่ยวไทย 9.30-9.38 แสนล้านบาท โดยจีดีพีของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคิดเป็น 14-15% ของจีดีพีรวมของประเทศ เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนกำลังจะกลับมา สถานการณ์ต่างๆยังเอื้ออำนวย"น.ส.วาริธร กล่าว
โดยปัจจัยที่นำมาใช้ประเมินภาพรวมในครึ่งปีหลัง คือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน จากที่เคยลดลงจากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญในช่วงปลายปีที่แล้วกำลังจะกลับมาหลังรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยคาดว่าตัวเลขจะเริ่มกลับมาเติบโตชัดเจนในช่วงก.ย.-ต.ค. ประกอบกับได้รับอานิสงส์จากปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีด้วย เพราะประเทศไทยยังคงเป็นเป้าหมายในการท่องเที่ยวที่ใหญ่ของคนจีน
"ช่วงปลายเดือนก.ย.-ต.ค.นี้น่าจะเห็นตัวเลขการเติบโตที่เด้งขึ้น เพราะปลายปีที่แล้วฐานต่ำจากนักท่องเที่ยวจีนหายไปเยอะจากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ..เราคาดว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ หรือกลุ่มอื่น เชื่อว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีหลัง (ก.ค.จนถึง High Season) จะโตกระโดดเป็น 10% จากครึ่งปีแรกที่เติบโตประมาณ 4.81%"น.ส.วาริธร กล่าว
นอกจากนี้ สถานการณ์หลายประเทศยังนิ่ง ไม่ได้มีอะไรจะส่งผล Impact ต่อภาคการท่องเที่ยว ไม่ว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ก็ไม่คิดว่าจะมีผลแรงต่อนักท่องเที่ยว เพราะถ้าเศรษฐกิจสหรัฐยังดีนักท่องเที่ยวสหรัฐก็ยังเที่ยว ซึ่งช่วงหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวและการท่องเที่ยว หน่วยงานของภาครัฐไปทำการตลาดมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสหรัฐติด 1 ใน 10 นักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของไทย และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
สหภาพยุโรป ต้องดูภายในของแต่ละประเทศ อังกฤษ หลังจาก Brexit ยังไม่ได้มี Impact มากนักที่จะ Adjust ตลาด, อิตาลี อาจจะมีปัจจัยบ้างเพราะเศรษฐกิจอิตาลีอาจจะไม่ได้มั่นคง ต้องดูพฤติกรรมของของนักท่องเที่ยวอิตาลีอาจจะอ่อนไหวด้านราคา เวลาที่แพ็คเกจทัวร์ถูกปรับขึ้น อาจจะทำให้เกิดการเปรียบเทียบราคากับที่อื่นบ้าง
ขณะที่สถานการณ์ที่คาบสมุทรเกาหลีน่าจะเป็นอานิสงส์สำหรับไทย เพราะแทนที่จีนจะไปเกาหลี หรือเกาหลีไปเที่ยวจีนก็อาจจะมาเที่ยวไทยแทน
นอกจากนี้ การที่สถานการณ์ในประเทศไทยยังสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวาย และในช่วงปลายปีจะมีพระราชพิธีสำคัญในประเทศไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เราให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มาก โดยอยากให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งผู้ประกอบการ ธุรกิจ บริษัททัวร์ โรงแรม เร่งทำความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์ถึงพระราชพิธีสำคัญที่จะเกิดขึ้น บอกวิธีการปฏิบัติตัวสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทยในช่วงนั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจในรายละเอียดว่าพระราชพิธีจะมีในช่วงวันไหน และในแต่ละวันจะมีกำหนดการอะไร นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างไรบ้างหรือไม่ ประชาชนจำนวนมหาศาลจะหลั่งไหลมาที่สนามหลวง นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะอยากเห็น
"เหลือเวลาอีก 2 เดือนควรจะเร่งทำการประชาสัมพันธ์ อธิบาย ทำความเข้าใจ ขึ้นเว็บไซต์ แจ้งกำหนดการ ให้รายละเอียดที่ถูกต้องชัดเจนเพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้วางแผนการท่องเที่ยวว่าถ้าจะมาเที่ยวประเทศไทยในช่วงนั้นได้ถูกต้อง จะมาด้วยจุดประสงค์อะไร ถ้าจะมาพักผ่อนสามารถไปเชียงใหม่ พัทยาแทนที่จะมากรุงเทพ และยังสามารถชมการถ่ายทอดพระราชพิธีทางโทรทัศน์ได้"น.ส.วาริธร กล่าว
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มองว่า ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวมากนัก เพราะนักท่องเที่ยวจะตัดสินใจจากปัจจัยหลายๆอย่าง แต่อาจจะระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ไม่ได้หยุดเที่ยวไปเลย
อย่างไรก็ตาม อยากแนะนำให้ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวที่เป็น SME ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหากจะต้องทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับค่าเงิน ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่มักจะมีการประเมินความเสี่ยงเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว