นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. จะดำเนินการให้จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดนำร่องในการขจัดหนี้นอกระบบให้เป็นศูนย์ ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง โดยได้เตรียมวงเงินกู้ไว้รวม 10,000 ล้านบาท ให้กู้สูงสุดได้รายละไม่เกิน 100,000 บาท กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน และสูงสุดไม่เกิน 150,000 บาท กรณีใช้ที่ดินจำนองค้ำประกัน คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อเดือน หรือ ร้อยละ 12 บาทต่อปี
โดยผลดำเนินงานปัจจุบันสามารถจ่ายสินเชื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้แล้ว 40,857 ราย เป็นเงินสินเชื่อ 3,978 ล้านบาท ซึ่งนอกจากการนำหนี้นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบแล้ว ธ.ก.ส.ยังมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการดำเนินชีวิตของเกษตรกรด้วยการให้ความรู้ การทำบัญชีครัวเรือน การประหยัดอดออม การสร้างรายได้จากอาชีพเสริม เช่น การทำกระยาสารท การทำข้าวเม่า ผ้าห่ม เป็นต้น ซึ่งทำให้การแก้ปัญหามีความยั่งยืนมากขึ้น และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกษตรกรกลับไปก่อหนี้นอกระบบขึ้นอีก
นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ได้เตรียมวงเงินสินเชื่ออีกจำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรสามารถกู้เงินกรณีมีความจำเป็น เช่น ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินในครัวเรือน ต่างๆ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนบุตร เป็นต้น โดยมีการผ่อนคลายหลักประกัน เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันจ่ายสินเชื่อนี้แล้วจำนวน 2,780ล้านบาท สามารถช่วยเกษตรกรได้จำนวน 58,352 ราย
"สำหรับจังหวัดนครราชสีมา ธ.ก.ส.จะดำเนินการเป็นจังหวัดนำร่องในการขจัดหนี้นอกระบบให้เป็นศูนย์ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง ด้วยการเปิดจุดบริการให้คำปรึกษาแนะนำ โดยมุ่งเน้นเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยและแจ้งว่ามีหนี้นอกระบบ"
สำหรับการดำเนินการจะมีการให้สินเชื่อเพื่อนำหนี้นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบ มีการอบรมให้ความรู้ เกษตรกรเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการดำเนินชีวิตโดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวปฏิบัติ รวมทั้งการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน กรณีจำเป็นเพื่อป้องกัน มิให้เกษตรกรหวนกลับไปเป็นหนี้นอกระบบอีก ทั้งนี้จะทำงานร่วมกับส่วนงานต่างๆ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานกองทุนหมู่บ้าน ฯ โดยใกล้ชิดเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้